เครื่องเล่น DVD
เมื่อปี 2000 เครื่องเล่น VCD ยังเครื่องละ 3000 ส่วน DVD ก็แพงกว่านั้น
ตั้งแต่ปี 2002 เครื่องเล่น DVD ราคาต่ำกว่า 1000 บาท
คื่อจะมี 2 เกรด พวกเครื่อง DVD แบรนดัง เช่น sony, pana, jvc, samsung จะราคา 3000 ขึ้นไป
ส่วนเครื่อง DVD แบรนจีน จะราคาต่ำมาก ราคา 700 ก็ยังมี
ผลคือ ผมก็ซื้อเหมือนกัน จะจ่าย 3000 ทำไม จ่าย 700 ภาพก็สวยเหมือนกัน
ปีนี้ปี 2016 สิ่งที่ผมเห็นเวลาเดินห้างคือ ผมไม่เห็นเครื่องเล่น DVD แบรนดังวางขายแล้ว
คงเหลือแต่แบรนจีน
ผมเดาๆเอาว่า ส่วนแบ่งยอดขายเครื่อง DVD แบรนจีนน่าจะได้ 95% แล้วละ
ส่วนแบรนดังน่าจะเหลือแค 5% (เดา) เพราะแบรนดัง ไม่มีชั้นวางในห้างค้าปลีก
โอเค เรื่องเครื่องเล่น DVD แบรนจีนเอาชนะแบรนญี่ปุ่นไปแล้ว ยังเหลืออะไรอีก
เครื่องเสียง
ใครจะล้มแชมปอย่าง sony, aiwa, pana ได้ละ
ผมว่าตั้งแต่ปี 2000 ผมเห็นลำโพง 2.1 วางขายตามห้าง ราคาก็ไม่ถึง 1000
ในขณะที่เครื่องเสียงแบรนดังราคา 10000 ขึ้น
นานๆไป พวกเครื่องเสียงแบรนดังหายไปจากห้างค้าปลีก เหลือแต่ลำโพง 2.1 วางขาย
วันนี้ ผมไปเดินห้าง เจอเครื่องเสียง ราคา 15000
แต่ไม่ใช่ sony, aiwa, pana นะ แต่เป็นแบรนเดียวที่เคยขาย 1000 นะแหล่ะ
โอเค เครื่องเสียง แบรนญี่ปุ่น ก็โดนแบรนจีน ยึดชั้นวางไปอีกแล้ว
ทีวี
อันนี้เจ็บปวด ในห้างที่ผมเดิน ชั้นวาง 50% ขายแบรนเกาหลี (2 ยี่ห้อ)
อีก 20% ขายแบรนญี่ปุ่น (2 ยี่ห้อ)
อีก 30% ขายแบรนจีน (3 ยี่ห้อ)
พูดตรงๆคือ ห้างที่ผมเดิน ผมไม่เห็น sony กับ pana วางขาย
นั่นละครับ ทีวีญี่ปุ่น ก็กำลังจะเสร็จแบรนจีน เหมือนกัน
ผมเห็นข่าว sony, pana, toshiba, sharp ขาดทุนเมื่อ 2-3 ปีก่อน
ผมรู้แล้วละ ยอดขายตกเพราะอะไร
แม้ว่าสินค้าจะคุณภาพดี แต่ถ้าไม่ได้วางขาย ยอดขายก็จะไม่เกิด
หาก sony, pana, toshiba, sharp ผ่านมาอ่านบทความนี้
ผมขอแนะนำให้ใช้กลยุทธแบบ ร้านหนังสือ SE-ED
เมื่อสำนักพิมพ์ส่งหนังสือไปขายตามร้านทั่วไปไม่ได้
เลยตั้งร้านหนังสือ แล้วขายสินค้าของตัวเองซะเลย
ทุกวันนี้ SE-ED ประสบความสำเร็จทั้งในฐานะร้านหนังสือและสำนักพิมพ์
ผมแนะนำให้ แบรนญี่ปุ่น จับมือกัน ตั้งร้านที่ขายแต่แบรนญี่ปุ่น
ในจังหวัดใหญ่ๆ เช่น กทม ขอนแก่น เชียงใหม่ ให้ได้สัก 100 สาขา
แล้วมีบริการสั่งซื้อ Online
ถ้าคุณไม่ทำอะไรเลย ปล่อยให้สถานการณ์เป็นแบบนี้
สักวันแบรนจีนจะยึดชั้นวางของคุณไปหมด ไม่เหลือแม้แต่ TV
สรุปแล้ว กลยุทธที่เขาใช้แทนที่สินค้าญี่ปุ่นคืออะไร
ขั้นที่ 1 ขายตัดราคา
แบรนดังจะยอดขายตก เพราะโดนตัดราคา นานๆเข้า ทางห้างก็เลยไม่สั่งมาขาย ยอดขายยิ่งดิ่งเหว
ขั้นที่ 2 แย่งชั้นวาง
หลังจากเขี่ยแบรนดัง ไปวางปลายๆแถวของชั้นวาง ก็เอาแบรนตัวเองและเพื่อนๆมาวางแทน
ทำให้แบรนดังดูเหมือนเป็นของห่วยๆ เพราะวางอยู่ปลายแถว
ขั้นที่ 3 ขึ้นราคา
เมื่อแบรนดัง หายไปจากชั้นวางแล้ว แบรนตัวเองที่เคยขายถูกๆ ก็ส่งรุ่นใหม่มาวางขาย
ตั้งแต่ราคาถูก ถึงราคาแพง เพื่อให้ได้กำไรมากขึ้น
กลยุทธก็มีเท่านี้ละ หวังว่าแบรนดัง จะรู้ตัว และปรับตัวได้แล้วนะครับ
กลยุทธนี้ดำเนินมา 15 ปีแล้ว น่าจะลุกขึ้นสู้กันได้แล้วครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น