เนื่องจากเห็นความขัดแย้งทางการเมืองตามข่าวต่างๆ และนำไปสู่ความขัดแย้งของคนไทยด้วยกันเอง
ทั้งที่คนไทยควรจะรักกัน ช่วยกันพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้า
ฝ่ายขัดแย้งทั้ง 2 ฝ่ายอ้างประชาธิปไตยด้วยกันทั้งคู่ แต่ความหมายที่แท้จริงของประชาธิปไตยคืออะไร ?
จากที่ผมรู้ เมื่อมีการเลือกตั้งได้ ส.ส. 500 คน ก็จะมีรัฐบาล
โดย ส.ส. ย่อมาจาก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ผู้แทนราษฎร พูดง่ายๆคือ ผู้แทนชาวบ้าน (ราษฎรแปลว่าชาวบ้าน)
เช่น เวลาถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ ชาวบ้านก็ไปบอก ส.ส. มาซ่อมถนนให้หน่อย ส.ส. ก็มีหน้าที่หาวิธีซ่อมถนน
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราบอก สส ว่าถนนเป็นหลุม แล้ว สส บอกว่า ไม่ใช่งานของฉัน
นั่นคือ สส ไม่ใช่ผู้แทนชาวบ้าน อีก 4 ปี เราก็อย่าเลือกคนเดิมละกัน เลือกแล้วไม่ยอมซ่อมถนนให้เรา
อันนี้ผมนิยามคำว่า ส.ส. คือ "ผู้แทนชาวบ้าน" ไปแล้วนะครับ
ขอพูดถึงสิ่งที่ไม่ใช่ประชาธิปไตยบ้าง คือ ระบบบริษัท
มีประธานบริษัท และมีพนักงานบริษัท
ถ้าพนักงานแข็งข้อ ก็โดนไล่ออก ถ้าเอาใจเจ้านายเก่ง ก็ได้ขึ้นเงินเดือน
ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับความพอใจของเจ้าของบริษัท
ดังนั้นต้องแยกให้ออก คำว่า ผู้แทนชาวบ้าน กับ ระบบบริษัท
ผมคงไม่ชี้นำว่าความขัดแย้งที่มีอยู่ ฝ่ายไหนผิด ฝ่ายไหนถูก
หากทั้ง 2 ฝ่าย ต้องการประชาธิปไตย สิ่งที่ผมหวังคือ ...
ส.ส. เป็นตัวแทนของชาวบ้าน และไม่เป็นพนักงานของบริษัทใดทั้งสิ้น
เป็นตัวแทนชาวบ้านที่คอยช่วยเหลือชาวบ้าน
และคนไทยช่วยกันพัฒนาชาติให้เจริญก้าวหน้า
ใครจะเป็นนายก ใครจะเป็นรัฐบาล ผมเคารพหมดทุกท่าน
ขอแค่ ส.ส. เป็นตัวแทนของชาวบ้าน และคนไทยไม่ทะเลาะกัน แค่นั้นผมก็พอใจแล้ว ...
วันพฤหัสบดีที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2556
ใครสร้างโลก ?
ที่บ้านเลี้ยงไก่ 1 ฝูง และแมว 3 ตัว เป็นแมวเด็ก 2 ตัว ทุกครั้งที่เปิดกรง แมวเด็กจะวิ่งไปที่จุดให้อาหาร และกินอาหารเม็ดจนหมด จากนั้นจะเริ่มดมๆ หากินเศษอาหารรอบๆครัว ไม่ว่าข้าวเปล่า หรืออะไรก็ตามที่กินได้ เหมียวน้อยกินหมด
สิ่งนี้ให้แนวคิดว่า สัตว์มีลิ้นไว้รับรสอาหาร และมีจมูกไว้ดมหาแหล่งอาหาร
สัตว์ที่เป็นเด็กประสาทสัมผัสส่วนนี้จะทำงานดีเป็นพิเศษ
เพื่อให้มันหาอาหารได้ และกินอาหาร และเติบโตเป็นผู้ใหญ่
พูดง่ายๆ มนุษย์ และสัตว์ทุกชนิดบนโลกใบนี้ มีประสาทสัมผัสที่จะรับรส และกินอาหาร
แล้วมันบอกเราได้ไงว่าใครสร้างโลก มันเป็นธรรมชาตินี่นา ?
ผมเคยเล่นเกม happy คนเลี้ยงหมู เกมจะเริ่มจากหมู 2 ตัว เราผสมพันธ์และให้อาหารจนมีหมูเป็น 100 ตัว
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเมื่อ 10000 ปีก่อน โลกเรามีคน 2 คน แล้ว 2 คนนี้ไม่กินอาหาร และไม่ผสมพันธุ์
โลกก็จะสิ้นสุด ไม่มีมนุษย์ ไม่มีสัตว์
ดังนั้น ใครก็ตามที่สร้างโลก ได้สร้างลิ้นกับปาก กับจมูก ให้กับสิ่งมีชีวิตต่างๆ
รวมถึงสร้างความหื่นด้วย เพื่อให้สิ่งมีชีวิตต่างๆขยายพันธ์
เมื่อเปรียบเทียบกับเกมเลี้ยงหมูแล้ว โลกเราต้องมีใครสักคนสร้างขึ้นมาแน่ ๆ .....
สิ่งนี้ให้แนวคิดว่า สัตว์มีลิ้นไว้รับรสอาหาร และมีจมูกไว้ดมหาแหล่งอาหาร
สัตว์ที่เป็นเด็กประสาทสัมผัสส่วนนี้จะทำงานดีเป็นพิเศษ
เพื่อให้มันหาอาหารได้ และกินอาหาร และเติบโตเป็นผู้ใหญ่
พูดง่ายๆ มนุษย์ และสัตว์ทุกชนิดบนโลกใบนี้ มีประสาทสัมผัสที่จะรับรส และกินอาหาร
แล้วมันบอกเราได้ไงว่าใครสร้างโลก มันเป็นธรรมชาตินี่นา ?
ผมเคยเล่นเกม happy คนเลี้ยงหมู เกมจะเริ่มจากหมู 2 ตัว เราผสมพันธ์และให้อาหารจนมีหมูเป็น 100 ตัว
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเมื่อ 10000 ปีก่อน โลกเรามีคน 2 คน แล้ว 2 คนนี้ไม่กินอาหาร และไม่ผสมพันธุ์
โลกก็จะสิ้นสุด ไม่มีมนุษย์ ไม่มีสัตว์
ดังนั้น ใครก็ตามที่สร้างโลก ได้สร้างลิ้นกับปาก กับจมูก ให้กับสิ่งมีชีวิตต่างๆ
รวมถึงสร้างความหื่นด้วย เพื่อให้สิ่งมีชีวิตต่างๆขยายพันธ์
เมื่อเปรียบเทียบกับเกมเลี้ยงหมูแล้ว โลกเราต้องมีใครสักคนสร้างขึ้นมาแน่ ๆ .....
วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2556
รีวิว The Lone Ranger
จากทีมผู้สร้าง Pirates of the Caribbean ทั้งผู้กำกับ, คนเขียนบท, นักแสดง และ ผู้อำนวยการสร้าง
หนังถูกสบประมาทไว้ว่าเจ๊งแน่ๆ และผลออกมาเจ๊งจริงๆ แต่นั่นไม่ได้ทำให้ผมไม่รู้สึกอยากดู
เหมือนหนังฟอร์มยักษ์ที่เจ๊งเรื่องอื่นๆ ผมจะดูเพื่อพิสูจน์ว่ามันสมควรเจ๊งจริงหรือเปล่า
King Kong : เนื้อเรื่องยืดยาดเกินไป
Superman Return : เปิดเรื่องได้น่าเบื่อมาก แต่หลังจากนั้นก็สนุกดี
John Carter : มันน่าเบื่อจริงๆนะ มองไปทางไหน มีแต่ทะเลทราย เนื้อเรื่องไม่มีอะไรใหม่ ไม่มีอะไรให้ลุ้นเลย
The Lone Ranger .... สุดยอด ... สมฝีมือของผู้กำกับ Gore Verbinski , Johnny Depp ก็ยังเป็นกัปตันติงต๊องเหมือนเดิม (น่ารักดี)
ขอพูดถึงส่วนที่ขอติก่อน
1. แค่หนัง Cowboys จะทุนสร้างอะไรตั้ง 200 ล้าน คนอื่นเขามีแค่ 10 ล้านก็สร้างหนัง Cowboy ได้แล้ว
2. จบเหมือนหนังเกย์ แทนที่จะลงเอยกับนางเอก ดันวิ่งหนีนางเอก แล้วควบม้าไปกับผู้ชาย
3. นางเอกเป็นแค่ตัวประกอบ ไม่ดึงดูดให้ผู้ชายอยากดู
และขอพูดส่วนที่ขอชม
ตอนผมเป็นเด็ก หนังไทยสมัยก่อนที่ฉายให้ดูช่อง 7 บางเรื่องจะให้แง่คิด ให้คติสอนใจ
พักหลังๆมานี้ หนัง Hollywood เน้นแต่ฉากอลังการ เนื้อเรื่องสนุก แต่มองข้ามการให้แง่คิด
The Lone Ranger คือหนังที่ให้คติสอนใจ และให้แง่คิดที่ดีๆ กับคนดู
โดยเฉพาะกับคนไทยทั้งประเทศ
ว้าว ..... คิดได้ขนาดนั้นเชียวเหรอ
ตอนกลางๆเรื่อง เมื่ออินเดียแดงเล่าภูมิหลังของทอนโต้ (ขออนุญาติสปอย)
ในวัยเด็ก ทอนโต้เจอคนขาว 2 คนสลบอยู่ จึงช่วยพากลับมารักษาตัวในหมู่บ้านอินเดียแดง
คนขาวเจอหินก้อนหนึ่งเป็นสีเงิน และรู้ว่าเป็นแร่เงิน จึงถามเด็กว่า เอาหินก้อนนี้มาจากไหน
เด็กไม่บอก ... คนขาวจึงให้นาฬิกาพก 1 อันแก่เด็ก เด็กดีใจมาก และพาไปดูแหล่งที่มีหินสีเงิน
คนขาวโลภมากหอบหินใส่เต็มกระเป๋า ก็เอาไปไม่หมด
คนขาวอยากจะเก็บสถานที่นี้เป็นความลับไม่ให้ใครรู้ จึงฆ่าหมดทั้งหมู่บ้าน และจากไป
ทอนโต้ในวัยเด็กเสียใจมาก และตั้งใจว่าโตขึ้นจะต้องล้างแค้นให้ได้
เฉพาะ 10 นาทีนี้ นี่ละครับ คือสิ่งที่คนไทยทั้งประเทศควรดู
เด็กน้อยดีใจที่ได้นาฬิกาพก แต่ต้องแลกกับชีวิตของคนทุกคนในหมู่บ้าน
และในตอนใกล้จบ ทอนโต้คืนนาฬิกาพกให้คนขาว และพูดว่า "แลกแล้วไม่คุ้ม"
เมืองไทยเรา ตลอด 15 ปีมานี้ คนไทยบางส่วน นิยมชมชอบการได้รับของฟรี
แต่ไม่รู้เลยว่า ต้องสูญเสียสิ่งอื่นที่มีค่ามากกว่า
แค่แง่คิดเล็กๆ ที่ผู้กำกับสอดแทรกไว้ในหนังนี่แหล่ะ ที่ทำให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังในดวงใจของผมอีกเรื่องหนึ่ง
.
หนังถูกสบประมาทไว้ว่าเจ๊งแน่ๆ และผลออกมาเจ๊งจริงๆ แต่นั่นไม่ได้ทำให้ผมไม่รู้สึกอยากดู
เหมือนหนังฟอร์มยักษ์ที่เจ๊งเรื่องอื่นๆ ผมจะดูเพื่อพิสูจน์ว่ามันสมควรเจ๊งจริงหรือเปล่า
King Kong : เนื้อเรื่องยืดยาดเกินไป
Superman Return : เปิดเรื่องได้น่าเบื่อมาก แต่หลังจากนั้นก็สนุกดี
John Carter : มันน่าเบื่อจริงๆนะ มองไปทางไหน มีแต่ทะเลทราย เนื้อเรื่องไม่มีอะไรใหม่ ไม่มีอะไรให้ลุ้นเลย
The Lone Ranger .... สุดยอด ... สมฝีมือของผู้กำกับ Gore Verbinski , Johnny Depp ก็ยังเป็นกัปตันติงต๊องเหมือนเดิม (น่ารักดี)
ขอพูดถึงส่วนที่ขอติก่อน
1. แค่หนัง Cowboys จะทุนสร้างอะไรตั้ง 200 ล้าน คนอื่นเขามีแค่ 10 ล้านก็สร้างหนัง Cowboy ได้แล้ว
2. จบเหมือนหนังเกย์ แทนที่จะลงเอยกับนางเอก ดันวิ่งหนีนางเอก แล้วควบม้าไปกับผู้ชาย
3. นางเอกเป็นแค่ตัวประกอบ ไม่ดึงดูดให้ผู้ชายอยากดู
และขอพูดส่วนที่ขอชม
ตอนผมเป็นเด็ก หนังไทยสมัยก่อนที่ฉายให้ดูช่อง 7 บางเรื่องจะให้แง่คิด ให้คติสอนใจ
พักหลังๆมานี้ หนัง Hollywood เน้นแต่ฉากอลังการ เนื้อเรื่องสนุก แต่มองข้ามการให้แง่คิด
The Lone Ranger คือหนังที่ให้คติสอนใจ และให้แง่คิดที่ดีๆ กับคนดู
โดยเฉพาะกับคนไทยทั้งประเทศ
ว้าว ..... คิดได้ขนาดนั้นเชียวเหรอ
ตอนกลางๆเรื่อง เมื่ออินเดียแดงเล่าภูมิหลังของทอนโต้ (ขออนุญาติสปอย)
ในวัยเด็ก ทอนโต้เจอคนขาว 2 คนสลบอยู่ จึงช่วยพากลับมารักษาตัวในหมู่บ้านอินเดียแดง
คนขาวเจอหินก้อนหนึ่งเป็นสีเงิน และรู้ว่าเป็นแร่เงิน จึงถามเด็กว่า เอาหินก้อนนี้มาจากไหน
เด็กไม่บอก ... คนขาวจึงให้นาฬิกาพก 1 อันแก่เด็ก เด็กดีใจมาก และพาไปดูแหล่งที่มีหินสีเงิน
คนขาวโลภมากหอบหินใส่เต็มกระเป๋า ก็เอาไปไม่หมด
คนขาวอยากจะเก็บสถานที่นี้เป็นความลับไม่ให้ใครรู้ จึงฆ่าหมดทั้งหมู่บ้าน และจากไป
ทอนโต้ในวัยเด็กเสียใจมาก และตั้งใจว่าโตขึ้นจะต้องล้างแค้นให้ได้
เฉพาะ 10 นาทีนี้ นี่ละครับ คือสิ่งที่คนไทยทั้งประเทศควรดู
เด็กน้อยดีใจที่ได้นาฬิกาพก แต่ต้องแลกกับชีวิตของคนทุกคนในหมู่บ้าน
และในตอนใกล้จบ ทอนโต้คืนนาฬิกาพกให้คนขาว และพูดว่า "แลกแล้วไม่คุ้ม"
เมืองไทยเรา ตลอด 15 ปีมานี้ คนไทยบางส่วน นิยมชมชอบการได้รับของฟรี
แต่ไม่รู้เลยว่า ต้องสูญเสียสิ่งอื่นที่มีค่ามากกว่า
แค่แง่คิดเล็กๆ ที่ผู้กำกับสอดแทรกไว้ในหนังนี่แหล่ะ ที่ทำให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังในดวงใจของผมอีกเรื่องหนึ่ง
.
วันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2556
รีวิว เที่ยวภูกระดึง
จากที่อ่านในเน็ต เห็นมีรีวิวเที่ยวภูกระดึงเยอะอยู่แล้ว ดังนั้น จะขอเขียนสรุปสั้นๆ ดังนี้
1. เหตุผลที่ไปเที่ยวภูกระดึง
- ราคาถูก เมื่อเราเดินทางไปถึงภูกระดึงแล้ว เราไม่ต้องเสียค่ารถ ค่าเรือ
หลังจากนั้น มีแต่เดินกับเดิน อยากไปเที่ยวไหน ... เดินไป
- โดยเฉพาะเมื่อเราเอาเต็นท์ไปเอง เสียค่าพื้นที่กางเต๊นท์ วันละ 60 บาท กับค่าบัตรเข้าอุทยานแค่ 40 บาท เที่ยว 3 วัน อุทยานเก็บตังค์เราแค่ 220 บาท ไม่แน่ใจว่าไปเที่ยวที่อื่น 4 วัน 3 คืน จะได้ราคาถูกขนาดนี้หรือเปล่า
- บนยอดภูกระดึง มีจุดแวะเที่ยวมากกว่า 10 จุด แล้วแต่ความขยันเดินของเราว่าจะไปไหน
2. จะเที่ยวภูกระดึง ต้องระวังอะไรบ้าง
ควรเดินขึ้นเขาก่อนเวลา 11 โมง เพราะต้องใช้เวลาเดินขึ้น 6 ชม กว่าจะถึงจุดกางเต๊นท์
ถ้าเดินช้า หรือพระอาทิตย์ตกเร็ว อาจมืดระหว่างทาง เป็นอันตรายได้
- ระวังรองเท้ากัด : ควรเตรียมไปทั้งรองเท้าแตะ และรองเท้าหุ้มส้น เน้นที่ใส่สบายไม่กัดเท้า เพราะต้องเดินเยอะมาก ถ้ารองเท้ากัด คุณจะเดินอย่างทรมานสุดๆ
- ระวังทากดูดเลือด : มันชอบกระโดดเกาะขา แขน ลำตัว ทากจะเยอะในหน้าฝน (ต.ค.-พ.ย.) และจะน้อยในหน้าหนาว สำหรับจุดกางเต๊นท์ โซน V จะมีทากเยอะ โซน H, L จะไม่มีทาก
- ระวังหนาว : เตรียมเสื้อกันหนาวไปด้วย อุณภูมิอาจต่ำถึง 8 องศา ในตอนกลางคืน
- ระวังลื่น : ในการเดินขึ้นเขาระยะทาง 5 ก.ม. พยายามก้าวอย่างระมัดระวัง เพราะถ้าล้มจนขาหัก จะกลายเป็นคนพิการได้ (ตอนเดินลงเขาก็ต้องระวังเหมือนกัน)
- ระวังช้างเหยียบ : อย่าไปไหนตามลำพัง ควรเดินเป็นกลุ่มใหญ่ ในเส้นทางที่เจ้าหน้าที่จัดไว้ อ่านป้ายคำเตือนต่างๆ อย่ามัวแต่ฟังเพลงเพราะเราต้องใช้หูฟังเสียงแปลกๆในป่า
เส้นทางอันตรายคือเส้นทางไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น ปัจจุบัน เจ้าหน้าที่จะนัดรวมกันเวลาตี 5 มีทหารเดินนำทางไปชมพระอาทิตย์ขึ้น
เส้นทางเดินกลับจากผานกแอ่นผ่านลานพระแก้วกลับมาที่จุดบริการนักท่องเที่ยว มีเหตุช้างป่าเหยียบคนมาแล้วหลายครั้ง ควรเดินเป็นกลุ่ม และหมั่นสังเกตุระหว่างเดินทางนี้
- ระวังสัตว์ป่าคุ้ยอาหารในเต๊นท์ : ไม่ควรเก็บอาหารไว้ในเต๊นท์ ควรกินให้หมด และทิ้งถังขยะให้เรียบร้อย หากสัตว์ป่าได้กลิ่นอาหาร มันอาจบุกพังเต๊นท์ เป็นอันตรายได้ (สัตว์อาจมาตอนเที่ยงคืน)
และไม่ควรกางเต๊นท์ใกล้ถังขยะ เพราะกลางคืนสัตว์ป่าชอบมาเดินรอบๆถังขยะ (เนื่องจากมีกลิ่นอาหาร)
นอกจากนี้ เวลาไปไหนควรไปเป็นกลุ่ม เผื่อมีปัญหา จะได้มีคนช่วยได้
3. ต้องเตรียมอะไรบ้าง
- เต๊นท์ที่พัก (เอาเต๊นท์ไปเอง เสียค่าพื้นที่กางเต๊นท์แค่วันละ 60) สภาพดี ไม่มีรูรั่ว (กันน้ำค้าง กันทาก)
- เสื้อกันหนาว (สำคัญมาก)
- รองเท้าแตะ (ใส่สบาย) กับรองเท้าผ้าใบ (กันทากเกาะเท้า)
- กางเกงขาสั้น (ใส่เดินขึ้นเขา เพื่อความคล่องตัว)
- กางเกงขายาว (ใส่นอนขาจะได้ไม่เย็น และกันทากเกาะเท้าด้วย)
- ถุงเท้าลูกเสือ (กันทากเกาะขา)
- หมวกไอ้โม่ง (ใส่ตอนนอนกันทากเข้าหู)
ไม่ต้องเอาผ้าห่มไป ไปเช่าถุงนอนวันละ 30 บาท อุ่นกว่า
เวลาเรานอนในถุงนอน ส่วนหัวจะอยู่นอกถุง
ถุงนอนจะทำหน้าที่เป็นทั้งพื้นรองนอน และเป็นผ้าห่ม รวมถึงกันทากเกาะขาด้วย
(เอาผ้าห่มบางๆไป 1 ผืนก็ได้ สำหรับคลุมหัว ส่วนที่ถุงนอนไม่คลุม)
- แปรงสีฟัน, ยาสีฟัน, สบู่, ยาสระผม, ผ้าเช็ดตัว (ใช้หนุนแทนหมอนได้ด้วย)
- ไฟฉาย, ที่ชารตแบทมือถือ (มีบริการชารตแบท 2 ชม 20 บาท)
- หูฟัง (เอาไว้อุดหูตอนนอน ป้องกันทากเข้าหู)
- น้ำเปล่า 2-3 ขวด (เอาไปด้วย ช่วยประหยัดได้)
- แป้งทาตัว (เอาไว้โรยรอบเต๊นท์) เอาไว้ทาตามเท้า ตามมือ (กันทาก)
- พลาสเตอร์ปิดแผล, ยาคลายกล้ามเนื้อ, ยาดม, ยาแก้ไข้
- เข็ม ด้าย (เผื่อกางเกงเป้าขาด เป้สะพายขาดจากน้ำหนักเกิน)
4. อยู่บนภูกระดึงแล้ว ควรไปเที่ยวไหน
- ควรเดินไปน้ำตกวังกวาง เส้นทางนั้น วิวสวย เดินไม่ไกล มี 5 น้ำตก ติดต่อกัน เริ่มเดิน 9 โมง เที่ยงก็กลับถึงที่พักแล้ว (เป็นเส้นทางใกล้ป่าปิด ควรไปเป็นกลุ่ม และระวังช้างด้วย)
- ชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น รวมตัวกันที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเวลาตี 5 จะมีเจ้าหน้าที่นำทางไป
- เดินจากที่พักไปสระอโนดาด, ผานาน้อย, ผาจำศีล, ผาหมากดูดแล้วกลับที่พัก
ผมเคยเดินจากที่พักไปผาหล่มสัก แล้วเดินเลาะหน้าผากลับที่พัก ปรากฏว่าขาลาก เพราะเดิน 20 ก.ม.
หากจะไปชมพระอาทิตย์ตกที่ผาหล่มสัก เตรียมตัวให้พร้อม
ทางที่ดีเช่าจักรยานถึบไปจะดีกว่า น่าจะสบายกว่า
5. ค่าใช้จ่าย
นอกจากค่ากางเต๊นท์ ค่าผ่านประตูที่ราคาถูกแล้ว ส่วนที่แพงจะเป็นค่าอาหาร และสินค้าทุกอย่างที่ขายบนนั้น เพราะต้องจ้างลูกหาบแบกขึ้นไป
ข้าวผัดกระเพรา 60
ข้าวราดแกงกับข้าว 2 อย่าง 70
กาแฟ 40
โค้กเล็ก 40
น้ำเปล่าเล็ก 30
น้ำเต้าหู้ 25
กาแฟร้อน 25
โดยส่วนตัว ผมมองว่าไม่แพง เท่าที่ซื้อกินหลายร้าน บริการดีทุกร้าน กับข้าวก็ตักเต็มจาน
ดูจากต้นทุนที่ต้องจ้างลูกหาบแล้ว ถือว่าราคาไม่แพงเลย
คิดง่ายๆ ข้าว + น้ำ มื้อละ 100 พอดี วันละ 3 มื้อก็ 300 บาท
แต่ผมมีวิธีประหยัดคือ
- ตอนเช้ากินน้ำเต้าหู้ 25 บาท
- เที่ยงกินกาแฟเย็น 40 บาท
- 4 โมงเย็น กินข้าวราดแกง + เป๊ปซี่เล็ก 100 บาท
- 2 ทุ่ม กินน้ำเต้าหู้แก้หนาว 25 บาท
(แต่ในความเป็นจริง บางวันผมก็กินข้าวทั้งมื้อเช้า มื้อเที่ยง แล้วแต่อารมณ์)
พยายามเตรียมเงินไปเผื่อๆไว้ จะได้มีเงินซื้อข้าวและมีแรงเที่ยว
พวกขนม กับมาม่าที่เตรียมไปผมไม่ได้กินเลย กินข้าวที่ร้านข้าวแกงอร่อยกว่า :)
1. เหตุผลที่ไปเที่ยวภูกระดึง
- ราคาถูก เมื่อเราเดินทางไปถึงภูกระดึงแล้ว เราไม่ต้องเสียค่ารถ ค่าเรือ
หลังจากนั้น มีแต่เดินกับเดิน อยากไปเที่ยวไหน ... เดินไป
- โดยเฉพาะเมื่อเราเอาเต็นท์ไปเอง เสียค่าพื้นที่กางเต๊นท์ วันละ 60 บาท กับค่าบัตรเข้าอุทยานแค่ 40 บาท เที่ยว 3 วัน อุทยานเก็บตังค์เราแค่ 220 บาท ไม่แน่ใจว่าไปเที่ยวที่อื่น 4 วัน 3 คืน จะได้ราคาถูกขนาดนี้หรือเปล่า
- บนยอดภูกระดึง มีจุดแวะเที่ยวมากกว่า 10 จุด แล้วแต่ความขยันเดินของเราว่าจะไปไหน
2. จะเที่ยวภูกระดึง ต้องระวังอะไรบ้าง
ควรเดินขึ้นเขาก่อนเวลา 11 โมง เพราะต้องใช้เวลาเดินขึ้น 6 ชม กว่าจะถึงจุดกางเต๊นท์
ถ้าเดินช้า หรือพระอาทิตย์ตกเร็ว อาจมืดระหว่างทาง เป็นอันตรายได้
- ระวังรองเท้ากัด : ควรเตรียมไปทั้งรองเท้าแตะ และรองเท้าหุ้มส้น เน้นที่ใส่สบายไม่กัดเท้า เพราะต้องเดินเยอะมาก ถ้ารองเท้ากัด คุณจะเดินอย่างทรมานสุดๆ
- ระวังทากดูดเลือด : มันชอบกระโดดเกาะขา แขน ลำตัว ทากจะเยอะในหน้าฝน (ต.ค.-พ.ย.) และจะน้อยในหน้าหนาว สำหรับจุดกางเต๊นท์ โซน V จะมีทากเยอะ โซน H, L จะไม่มีทาก
- ระวังหนาว : เตรียมเสื้อกันหนาวไปด้วย อุณภูมิอาจต่ำถึง 8 องศา ในตอนกลางคืน
- ระวังลื่น : ในการเดินขึ้นเขาระยะทาง 5 ก.ม. พยายามก้าวอย่างระมัดระวัง เพราะถ้าล้มจนขาหัก จะกลายเป็นคนพิการได้ (ตอนเดินลงเขาก็ต้องระวังเหมือนกัน)
- ระวังช้างเหยียบ : อย่าไปไหนตามลำพัง ควรเดินเป็นกลุ่มใหญ่ ในเส้นทางที่เจ้าหน้าที่จัดไว้ อ่านป้ายคำเตือนต่างๆ อย่ามัวแต่ฟังเพลงเพราะเราต้องใช้หูฟังเสียงแปลกๆในป่า
เส้นทางอันตรายคือเส้นทางไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น ปัจจุบัน เจ้าหน้าที่จะนัดรวมกันเวลาตี 5 มีทหารเดินนำทางไปชมพระอาทิตย์ขึ้น
เส้นทางเดินกลับจากผานกแอ่นผ่านลานพระแก้วกลับมาที่จุดบริการนักท่องเที่ยว มีเหตุช้างป่าเหยียบคนมาแล้วหลายครั้ง ควรเดินเป็นกลุ่ม และหมั่นสังเกตุระหว่างเดินทางนี้
- ระวังสัตว์ป่าคุ้ยอาหารในเต๊นท์ : ไม่ควรเก็บอาหารไว้ในเต๊นท์ ควรกินให้หมด และทิ้งถังขยะให้เรียบร้อย หากสัตว์ป่าได้กลิ่นอาหาร มันอาจบุกพังเต๊นท์ เป็นอันตรายได้ (สัตว์อาจมาตอนเที่ยงคืน)
และไม่ควรกางเต๊นท์ใกล้ถังขยะ เพราะกลางคืนสัตว์ป่าชอบมาเดินรอบๆถังขยะ (เนื่องจากมีกลิ่นอาหาร)
นอกจากนี้ เวลาไปไหนควรไปเป็นกลุ่ม เผื่อมีปัญหา จะได้มีคนช่วยได้
3. ต้องเตรียมอะไรบ้าง
- เต๊นท์ที่พัก (เอาเต๊นท์ไปเอง เสียค่าพื้นที่กางเต๊นท์แค่วันละ 60) สภาพดี ไม่มีรูรั่ว (กันน้ำค้าง กันทาก)
- เสื้อกันหนาว (สำคัญมาก)
- รองเท้าแตะ (ใส่สบาย) กับรองเท้าผ้าใบ (กันทากเกาะเท้า)
- กางเกงขาสั้น (ใส่เดินขึ้นเขา เพื่อความคล่องตัว)
- กางเกงขายาว (ใส่นอนขาจะได้ไม่เย็น และกันทากเกาะเท้าด้วย)
- ถุงเท้าลูกเสือ (กันทากเกาะขา)
- หมวกไอ้โม่ง (ใส่ตอนนอนกันทากเข้าหู)
ไม่ต้องเอาผ้าห่มไป ไปเช่าถุงนอนวันละ 30 บาท อุ่นกว่า
เวลาเรานอนในถุงนอน ส่วนหัวจะอยู่นอกถุง
ถุงนอนจะทำหน้าที่เป็นทั้งพื้นรองนอน และเป็นผ้าห่ม รวมถึงกันทากเกาะขาด้วย
(เอาผ้าห่มบางๆไป 1 ผืนก็ได้ สำหรับคลุมหัว ส่วนที่ถุงนอนไม่คลุม)
- แปรงสีฟัน, ยาสีฟัน, สบู่, ยาสระผม, ผ้าเช็ดตัว (ใช้หนุนแทนหมอนได้ด้วย)
- ไฟฉาย, ที่ชารตแบทมือถือ (มีบริการชารตแบท 2 ชม 20 บาท)
- หูฟัง (เอาไว้อุดหูตอนนอน ป้องกันทากเข้าหู)
- น้ำเปล่า 2-3 ขวด (เอาไปด้วย ช่วยประหยัดได้)
- แป้งทาตัว (เอาไว้โรยรอบเต๊นท์) เอาไว้ทาตามเท้า ตามมือ (กันทาก)
- พลาสเตอร์ปิดแผล, ยาคลายกล้ามเนื้อ, ยาดม, ยาแก้ไข้
- เข็ม ด้าย (เผื่อกางเกงเป้าขาด เป้สะพายขาดจากน้ำหนักเกิน)
4. อยู่บนภูกระดึงแล้ว ควรไปเที่ยวไหน
- ควรเดินไปน้ำตกวังกวาง เส้นทางนั้น วิวสวย เดินไม่ไกล มี 5 น้ำตก ติดต่อกัน เริ่มเดิน 9 โมง เที่ยงก็กลับถึงที่พักแล้ว (เป็นเส้นทางใกล้ป่าปิด ควรไปเป็นกลุ่ม และระวังช้างด้วย)
- ชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น รวมตัวกันที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเวลาตี 5 จะมีเจ้าหน้าที่นำทางไป
- เดินจากที่พักไปสระอโนดาด, ผานาน้อย, ผาจำศีล, ผาหมากดูดแล้วกลับที่พัก
ผมเคยเดินจากที่พักไปผาหล่มสัก แล้วเดินเลาะหน้าผากลับที่พัก ปรากฏว่าขาลาก เพราะเดิน 20 ก.ม.
หากจะไปชมพระอาทิตย์ตกที่ผาหล่มสัก เตรียมตัวให้พร้อม
ทางที่ดีเช่าจักรยานถึบไปจะดีกว่า น่าจะสบายกว่า
5. ค่าใช้จ่าย
นอกจากค่ากางเต๊นท์ ค่าผ่านประตูที่ราคาถูกแล้ว ส่วนที่แพงจะเป็นค่าอาหาร และสินค้าทุกอย่างที่ขายบนนั้น เพราะต้องจ้างลูกหาบแบกขึ้นไป
ข้าวผัดกระเพรา 60
ข้าวราดแกงกับข้าว 2 อย่าง 70
กาแฟ 40
โค้กเล็ก 40
น้ำเปล่าเล็ก 30
น้ำเต้าหู้ 25
กาแฟร้อน 25
โดยส่วนตัว ผมมองว่าไม่แพง เท่าที่ซื้อกินหลายร้าน บริการดีทุกร้าน กับข้าวก็ตักเต็มจาน
ดูจากต้นทุนที่ต้องจ้างลูกหาบแล้ว ถือว่าราคาไม่แพงเลย
คิดง่ายๆ ข้าว + น้ำ มื้อละ 100 พอดี วันละ 3 มื้อก็ 300 บาท
แต่ผมมีวิธีประหยัดคือ
- ตอนเช้ากินน้ำเต้าหู้ 25 บาท
- เที่ยงกินกาแฟเย็น 40 บาท
- 4 โมงเย็น กินข้าวราดแกง + เป๊ปซี่เล็ก 100 บาท
- 2 ทุ่ม กินน้ำเต้าหู้แก้หนาว 25 บาท
(แต่ในความเป็นจริง บางวันผมก็กินข้าวทั้งมื้อเช้า มื้อเที่ยง แล้วแต่อารมณ์)
พยายามเตรียมเงินไปเผื่อๆไว้ จะได้มีเงินซื้อข้าวและมีแรงเที่ยว
พวกขนม กับมาม่าที่เตรียมไปผมไม่ได้กินเลย กินข้าวที่ร้านข้าวแกงอร่อยกว่า :)
วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
รีวิว Elysium
ชื่อ Matt Damon กับหนัง Action Sci-fi ฟอร์มยักษ์ แค่นี้ก็น่าสนใจแล้ว
เริ่มต้นดูหนังเหมือนสายตาที่มองหนังฟอร์มยักษ์ทั่วๆไป อย่าง Pacific Rim, Wolverine
หนังเปิดเรื่องด้วยการปูพื้นว่า โลกอนาคตคนรวยอยู่บนท้องฟ้า
ส่วนคนจนอยู่บนโลกที่มีแต่มลภาวะ
พระเอกของเราเป็นเพียงเด็กกำพร้า ที่โตขึ้นมาเป็นแค่หนุ่มโรงงาน
หนังมาถึงตรงนี้ ผมยังนึกไม่ออกเลยว่า พระเอกของเราจะกู้โลกได้ยังไง
ไม่ได้มีความสามารถอะไรพิเศษเลย เป็นแค่หนุ่มโรงงานคนหนึ่ง
ต่อมาโรงงานเกิดขัดข้อง พระเอกได้รับกัมมันภาพรังสี และจะตายภายใน 5 วัน
ทางเดียวที่จะรอดคือต้องแอบขึ้นไปบนเอลิเซี่ยม
พระเอกรับงานจากพวกใต้ดิน เพื่อแลกกับตั๋วขึ้นไปรักษาตัวบนเอลิเซี่ยม
เป้าหมายคือเอาชีวิตตัวเองให้รอด ไม่ได้มีเป้าหมายกอบกู้โลก หรือช่วยเหลือใครแต่อย่างใด
จุดนี้ถือว่าคนคิดเรื่อง ทำได้ดีมาก หนังไม่น่าเบื่อ ไม่ซ้ำซาก ไม่ดราม่า
เป็นสถานการณ์ตกบันไดพลอยกระโจน
จากที่เคยคิดแค่จะเอาตัวเองรอด กลายเป็นการกอบกู้โลกในท้ายที่สุด
ถ้าเป็นเมื่อ 20 ปีก่อน บทดีๆ แบบนี้ต้องเป็นของ อาร์โนล ชวาเซเน็กเกอร์ แน่นอน
แต่บทนี้เป็นของ แม็ท เดม่อน ก็เหมาะสมเหมือนกัน
ชอบเนื้อเรื่อง, วิธีเดินเรื่อง, การกำกับ, ดาราทุกคนเหมาะกับบท
10/10 โลด สนุกมาก
เริ่มต้นดูหนังเหมือนสายตาที่มองหนังฟอร์มยักษ์ทั่วๆไป อย่าง Pacific Rim, Wolverine
หนังเปิดเรื่องด้วยการปูพื้นว่า โลกอนาคตคนรวยอยู่บนท้องฟ้า
ส่วนคนจนอยู่บนโลกที่มีแต่มลภาวะ
พระเอกของเราเป็นเพียงเด็กกำพร้า ที่โตขึ้นมาเป็นแค่หนุ่มโรงงาน
หนังมาถึงตรงนี้ ผมยังนึกไม่ออกเลยว่า พระเอกของเราจะกู้โลกได้ยังไง
ไม่ได้มีความสามารถอะไรพิเศษเลย เป็นแค่หนุ่มโรงงานคนหนึ่ง
ต่อมาโรงงานเกิดขัดข้อง พระเอกได้รับกัมมันภาพรังสี และจะตายภายใน 5 วัน
ทางเดียวที่จะรอดคือต้องแอบขึ้นไปบนเอลิเซี่ยม
พระเอกรับงานจากพวกใต้ดิน เพื่อแลกกับตั๋วขึ้นไปรักษาตัวบนเอลิเซี่ยม
เป้าหมายคือเอาชีวิตตัวเองให้รอด ไม่ได้มีเป้าหมายกอบกู้โลก หรือช่วยเหลือใครแต่อย่างใด
จุดนี้ถือว่าคนคิดเรื่อง ทำได้ดีมาก หนังไม่น่าเบื่อ ไม่ซ้ำซาก ไม่ดราม่า
เป็นสถานการณ์ตกบันไดพลอยกระโจน
จากที่เคยคิดแค่จะเอาตัวเองรอด กลายเป็นการกอบกู้โลกในท้ายที่สุด
ถ้าเป็นเมื่อ 20 ปีก่อน บทดีๆ แบบนี้ต้องเป็นของ อาร์โนล ชวาเซเน็กเกอร์ แน่นอน
แต่บทนี้เป็นของ แม็ท เดม่อน ก็เหมาะสมเหมือนกัน
ชอบเนื้อเรื่อง, วิธีเดินเรื่อง, การกำกับ, ดาราทุกคนเหมาะกับบท
10/10 โลด สนุกมาก
วันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
วิธีกู้ข้อมูล Harddisk
ในขณะที่ใช้คอมไปตามปรกติ คอม copy ไฟล์ช้า เลยลองสั่ง check disk ดู (ใช้ Windows 7)
windows ถามว่า ถ้าอยากจะ check disk จริงๆ จะต้อง force unmount นะ
ด้วยความอยากตรวจสอบฮาร์ดดิส เลยตกลง force
หลังจากนั้นมัน check disk ไม่สำเร็จ windows เป็นจอฟ้า ต้อง restart เครื่อง
(คำเตือนว่า force unmount น่าจะเปลี่ยนเป็น คุณต้องการลบข้อมูลทิ้งหรือไม่ ถ้าถามแบบนี้ เราตอบ No แน่ๆ)
พอ restart เข้า windows ได้แล้ว ไดร์วนั้นกลายเป็น unformatted partition
คลิกเข้าไปดูไฟล์ไม่ได้
ลองหาโปรแกรมกู้พาร์ทิชั่นในเน็ต ใช้ไม่ได้สักตัว
ลองไปลองมา ใช้โปรแกรมพวก partition recovery ค่อยๆ copy ไฟล์ไป external harddisk
แล้วมันก็ช้าลงเรื่อยๆ จนจอฟ้า
พอเปิดเครื่องอีกที notebook มองไม่เห็น harddisk เข้า windows ไม่ได้
(สถานะการณ์ย่ำแย่กว่าเมื่อกี้อีก)
วิธีแก้
1. ทำให้คอมมองเห็นฮาร์ดดิสก่อน
อ่านในเน็ต ใน windows xp จะมีคำสั่ง fixmbr, fixboot วิธีใช้คำสั่งนี้ ก็คือ boot ด้วยแผ่น setup windows xp หน้าจอแรก จะมี option ให้กด R เพื่อเข้าสู่ recovery console
เข้าไปแล้ว กดตัวเลข เพื่อเลือก windows ที่เราจะเข้า
จนเจอ command prompt เราก็พิมพ์ว่า fixmbr แล้ว restart เครื่อง
(สำหรับ recovery console ของ windows 7 จะใช้คำสั่ง bootrec /fixmbr แทน)
คำเตือน หาก fixmbr ผิดไดรว์ ข้อมูลอาจหายหมด
ก่อนจะ fixmbr ควรใส่ harddisk ที่เสียไว้ใน notebook เพียงอันเดียวเท่านั้น
อย่าเอาฮาร์ดดิสที่ไม่เสียมาพ่วง เพราะถ้า fixmbr ผิดไดรว์ ข้อมูลจะสูญหาย
2. fixmbr เสร็จแล้วก็ถอดฮาร์ดดิสที่เสียไปใส่กล่อง external harddisk
3. เปิดคอมอีกเครื่อง ติดตั้งโปรแกรม get data back for ntfs
4. เสียบ external harddisk เข้าไป แล้วรันโปรแกรม get data back กด next ไปเรื่อยๆ และรอ
โปรแกรมจะแสดงรายชื่อไฟล์ที่น่าจะกู้ได้ เราเลือก copy แล้วก็ save ไฟล์ใน harddisk อีกตัวนึง
กฏสำคัญ
1. หลังจากเกิดเหตุ harddisk อ่านไม่ได้ อย่าเขียนไฟล์, อย่า format, อย่าลบ partition, อย่าสั่ง chkdisk
2. สมมุติในคอมมี 3 ไดรว์ เสียแค่ไดรว์ E ให้รีบ backup ไดร์ว C, D ไว้ใน ฮาร์ดดิสอีกตัวนึง
แล้วค่อยกลับมากู้ไฟล์ในไดรว์ E
เพราะในระหว่างที่เรากู้ไฟล์ไดรว์ E มันจะส่งผลกระทบให้ไดร์ว C และ D เสียไปด้วย
ก่อนกู้ เราจึงต้อง backup ไดร์วที่ยังไม่เสียก่อน
3. ปิด antivirus ด้วย เพราะ antivirus จะแสกน ฮาร์ดดิส ตลอดเวลา
ทำให้การกู้ไฟล์ล้มเหลว และ harddisk เสียมากขึ้นได้
4. เมื่อกู้ไฟล์ออกจาก harddisk ที่เสียหมดแล้ว ให้ format และแบ่ง partition ใหม่
copy ไฟล์ใหญ่ๆ ลงไปให้เต็ม harddisk , restart เครื่อง ลบ partition แล้ว แบ่ง partition ใหม่
แล้ว format อีกที เพื่อให้ bad sector ต่างๆ ถูกเขียนทับ
windows ถามว่า ถ้าอยากจะ check disk จริงๆ จะต้อง force unmount นะ
ด้วยความอยากตรวจสอบฮาร์ดดิส เลยตกลง force
หลังจากนั้นมัน check disk ไม่สำเร็จ windows เป็นจอฟ้า ต้อง restart เครื่อง
(คำเตือนว่า force unmount น่าจะเปลี่ยนเป็น คุณต้องการลบข้อมูลทิ้งหรือไม่ ถ้าถามแบบนี้ เราตอบ No แน่ๆ)
พอ restart เข้า windows ได้แล้ว ไดร์วนั้นกลายเป็น unformatted partition
คลิกเข้าไปดูไฟล์ไม่ได้
ลองหาโปรแกรมกู้พาร์ทิชั่นในเน็ต ใช้ไม่ได้สักตัว
ลองไปลองมา ใช้โปรแกรมพวก partition recovery ค่อยๆ copy ไฟล์ไป external harddisk
แล้วมันก็ช้าลงเรื่อยๆ จนจอฟ้า
พอเปิดเครื่องอีกที notebook มองไม่เห็น harddisk เข้า windows ไม่ได้
(สถานะการณ์ย่ำแย่กว่าเมื่อกี้อีก)
วิธีแก้
1. ทำให้คอมมองเห็นฮาร์ดดิสก่อน
อ่านในเน็ต ใน windows xp จะมีคำสั่ง fixmbr, fixboot วิธีใช้คำสั่งนี้ ก็คือ boot ด้วยแผ่น setup windows xp หน้าจอแรก จะมี option ให้กด R เพื่อเข้าสู่ recovery console
เข้าไปแล้ว กดตัวเลข เพื่อเลือก windows ที่เราจะเข้า
จนเจอ command prompt เราก็พิมพ์ว่า fixmbr แล้ว restart เครื่อง
(สำหรับ recovery console ของ windows 7 จะใช้คำสั่ง bootrec /fixmbr แทน)
คำเตือน หาก fixmbr ผิดไดรว์ ข้อมูลอาจหายหมด
ก่อนจะ fixmbr ควรใส่ harddisk ที่เสียไว้ใน notebook เพียงอันเดียวเท่านั้น
อย่าเอาฮาร์ดดิสที่ไม่เสียมาพ่วง เพราะถ้า fixmbr ผิดไดรว์ ข้อมูลจะสูญหาย
2. fixmbr เสร็จแล้วก็ถอดฮาร์ดดิสที่เสียไปใส่กล่อง external harddisk
3. เปิดคอมอีกเครื่อง ติดตั้งโปรแกรม get data back for ntfs
4. เสียบ external harddisk เข้าไป แล้วรันโปรแกรม get data back กด next ไปเรื่อยๆ และรอ
โปรแกรมจะแสดงรายชื่อไฟล์ที่น่าจะกู้ได้ เราเลือก copy แล้วก็ save ไฟล์ใน harddisk อีกตัวนึง
กฏสำคัญ
1. หลังจากเกิดเหตุ harddisk อ่านไม่ได้ อย่าเขียนไฟล์, อย่า format, อย่าลบ partition, อย่าสั่ง chkdisk
2. สมมุติในคอมมี 3 ไดรว์ เสียแค่ไดรว์ E ให้รีบ backup ไดร์ว C, D ไว้ใน ฮาร์ดดิสอีกตัวนึง
แล้วค่อยกลับมากู้ไฟล์ในไดรว์ E
เพราะในระหว่างที่เรากู้ไฟล์ไดรว์ E มันจะส่งผลกระทบให้ไดร์ว C และ D เสียไปด้วย
ก่อนกู้ เราจึงต้อง backup ไดร์วที่ยังไม่เสียก่อน
3. ปิด antivirus ด้วย เพราะ antivirus จะแสกน ฮาร์ดดิส ตลอดเวลา
ทำให้การกู้ไฟล์ล้มเหลว และ harddisk เสียมากขึ้นได้
4. เมื่อกู้ไฟล์ออกจาก harddisk ที่เสียหมดแล้ว ให้ format และแบ่ง partition ใหม่
copy ไฟล์ใหญ่ๆ ลงไปให้เต็ม harddisk , restart เครื่อง ลบ partition แล้ว แบ่ง partition ใหม่
แล้ว format อีกที เพื่อให้ bad sector ต่างๆ ถูกเขียนทับ
วันอังคารที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2556
รีวิว Black Swan กับ New Year's Eve
2 เรื่องนี้เป็นหนังดัง แต่เพราะว่าไม่ใช่หนัง action หรือ สยองขวัญ เลยไม่คิดจะดู
วันนี้เซ็งๆ เลยหยิบมาดู ดูเรื่อง Black Swan เป็นเรื่องแรก
แปลกดี ทั้งๆที่เป็นหนัง Drama แต่เรากลับดูตั้งแต่ต้นไปจนจบเรื่อง โดยไม่รู้สึกเบื่อ
ยกความชอบให้ผู้กำกับ ทำได้ไงก็ไม่รู้
อีกเรื่องก็ New Year's Eve ก่อนดูก็รู้แล้วว่า เป็นหนังรวมดารา
คงจะออกแนวผูกหลายๆเรื่อง แล้วเอาไปคลี่คลายตอนจบ เหมือนหนังแนวนี้เรื่องอื่นๆ
เรื่องนี้ก็ทำได้ดี เราอยากติดตามไปจนจบเรื่อง
Hollywood นี่เขาสร้างหนังเก่งจริงๆ สามารถทำให้เราเพลิดเพลินไปกับหนังได้
ทั้งๆที่เป็นเรื่องราวพื้นๆ ในชีวิตทั่วๆไป
วันนี้เซ็งๆ เลยหยิบมาดู ดูเรื่อง Black Swan เป็นเรื่องแรก
แปลกดี ทั้งๆที่เป็นหนัง Drama แต่เรากลับดูตั้งแต่ต้นไปจนจบเรื่อง โดยไม่รู้สึกเบื่อ
ยกความชอบให้ผู้กำกับ ทำได้ไงก็ไม่รู้
อีกเรื่องก็ New Year's Eve ก่อนดูก็รู้แล้วว่า เป็นหนังรวมดารา
คงจะออกแนวผูกหลายๆเรื่อง แล้วเอาไปคลี่คลายตอนจบ เหมือนหนังแนวนี้เรื่องอื่นๆ
เรื่องนี้ก็ทำได้ดี เราอยากติดตามไปจนจบเรื่อง
Hollywood นี่เขาสร้างหนังเก่งจริงๆ สามารถทำให้เราเพลิดเพลินไปกับหนังได้
ทั้งๆที่เป็นเรื่องราวพื้นๆ ในชีวิตทั่วๆไป
วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2556
ลำดับเหตุการณ์ในหนังซอมบี้
1. Resident Evil 1 - ไวรัสแพร่ระบาดจากห้องทดลองใต้ดิน
2. Resident Evil 2 - ไวรัสแพร่ไปทั่วเมือง
3. Dawn of the Dead - ไวรัสแพร่ทั่วเมือง
4. Resident Evil 3 , 4 , 5 - ไวรัสแพร่ไปทั่วโลก
5. I am legend - นักวิจัยหาวิธีต้านไวรัสซอมบี้อยู่คนเดียว
6. World War Z - พบวิธีหลบซอมบี้
7. Warm Bodies - ซอมบี้กลับเป็นคนเหมือนเดิม
จบเรื่อง
2. Resident Evil 2 - ไวรัสแพร่ไปทั่วเมือง
3. Dawn of the Dead - ไวรัสแพร่ทั่วเมือง
4. Resident Evil 3 , 4 , 5 - ไวรัสแพร่ไปทั่วโลก
5. I am legend - นักวิจัยหาวิธีต้านไวรัสซอมบี้อยู่คนเดียว
6. World War Z - พบวิธีหลบซอมบี้
7. Warm Bodies - ซอมบี้กลับเป็นคนเหมือนเดิม
จบเรื่อง
วันพุธที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2556
รีวิว Riddick (2013)
http://www.imdb.com/title/tt1411250/
เคยดู Pitch Black (2000) และ The Chronicles of Riddick (2004) มาแล้ว
เรื่องนี้เป็นภาคที่ 3 ของหนังชุดนี้
ภาค 2 หนังลงทุนเยอะมาก 105 ล้าน แต่รายได้รวมทั่วโลก 115 ล้าน
ภาค 3 เลยได้ทุนสร้างแค่ 38 ล้าน จนถึงขณะนี้หนังทำรายได้ไปเพียง 53 ล้าน
(ข้อมูล boxofficemojo)
ถ้าเทียบ Pitch Black และ The Chronicles of Riddick กับ Star War แล้ว
หนังชุด Riddick สนุกกว่า Star War มากๆๆๆๆ
ผมเคยดู Star War ภาคเก่าๆ แต่ดูไม่รู้เรื่อง แต่หนังชุด Riddick ดูรู้เรื่อง สนุกกว่า
หนังเรื่องนี้จะว่าไปน่าจะเรียกว่า สงครามอวกาศ ในมุมมองของผู้กำกับ David Twohy มากกว่า
รีวิวเน้นๆ เฉพาะภาคที่ 3 ก็คือ
เรื่องนี้มีลุ้นตั้งแต่นาทีแรกไปจนจบเรื่อง
มีไอเดียใหม่ๆ อยู่ในหนังทุกฉาก
ที่ประทับใจก็คือ ความเป็นนักสู้ของ Riddick
ไม่ว่าจะเจ็บหนักขนาดไหน ก็สู้สุดชีวิต ตั้งแต่ต้นเรื่อง จนจบเรื่อง
ไม่เหมือนหนัง super hero ทั่วไปที่ ยังไงๆ พระเอกก็ชนะวันยังค่ำ
เรื่องนี้ Riddick เฉียดตาย มากๆๆ และรอดได้ด้วยความช่วยเหลือจากคนอื่นด้วยซ้ำไป
สรุปว่า หนังสนุก คุ้มค่า สมการรอคอย ของแฟนๆ Riddick
ส่วนที่หนังไม่ทำเงิน คงเพราะเป็นหนังเรท R มีฉากต่อสู้เยอะ ไม่ดึงดูดเด็กๆ เข้าโรงหนัง
และเนื่อเรื่องหนังเองก็ไม่ได้เน้น ดราม่า น้ำตาท่วมจอ
ยังไงก็เอาใจช่วยให้หนังทำเงินได้เยอะๆ จะได้ดูภาคต่อๆไป
เพราะนี่เป็นหนังต่อสู้ + สงครามอวกาศ ที่สนุกที่สุด
วันจันทร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2556
อยู่ขอนแก่น ไปเที่ยวไหนได้มั่ง ?
ย้ายบ้านจาก กทม มาอยู่ขอนแก่นได้ 3 ปีแล้ว สะสมที่เที่ยวได้ดังนี้
1. พัทยา 2
จาก บขส ไปถนนมะลิวัลย์ วิ่งเลยบ้านฝางมาอีก 10 นาที มองด้านขวา เห็นโรงเรียนกับวัด ให้กลับรถ
(ป้ายบอกทาง จะบอกว่าไป หินช้างสี, พัทยา 2, เขื่อนอุบลรัตน์)
มีชายหาด มีอาหารกุ้งหอยปูปลา พาเด็กๆ เล่นน้ำ มีเรือถีบ
2. หินช้างสี
จากทางเข้าซอยเดียวกันกับข้อ 1 เข้าซอยไปสัก 2 หมู่บ้าน จะมีป้ายให้เลี้ยวขวา ไปหินช้างสีได้
หินช้างสีเป็นจุดชมวิวเล็กๆ เส้นทางขับรถจะค่อนข้างลึกเข้าไปในป่า
ถ้าชอบขับรถชมวิวธรรมชาติ และมีปลายทางเป็นจุดชมวิว ก็น่าแวะไปสักครั้ง
3. วัดพระบาทภูพานคํา
จากข้อ 2 ถ้าเราไม่เลี้ยงขวา วิ่งตรงมาเรื่อยๆ (ป้ายบอกทางไปเขื่อนอุบลรัตน์)
จะผ่านที่ทำการอุทยานแห่งชาติน้ำพอง (ชมวิวริมเขื่อน)
วิ่งเลยไปจนถึงเขื่อนอุบลรัตน์ ที่ด้านซ้ายจะมีป้ายบอกทางไป วัดพระบาทภูพานคำ
มีบรรไดยาว 1000 ขั้น มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ประดิษฐานบนยอดเขา และจุดชมวิวด้วย
4. ตลาดต้นตาล
รวมร้านอาหารน่ากิน เปิด 5 โมงเย็น - 4 ทุ่ม อยู่ในตัวเมืองขอนแก่น ใกล้ BigC ขอนแก่น
5. วัดป่าธรรมอุทยาน
จากขอนแก่น ขับรถตามถนนมิตรภาพไปหนองคาย พอเลย ม.ขอนแก่น จะเห็นห้าง Lotus ขับเลยไปอีก จะเห็นปั๊ม ปตท วัดป่าธรรมอุทยาน จะอยู่ทางด้านขวา พอเห็นแล้วก็กลับรถแวะเข้าไปได้
ที่นี่มีพระพุทธรูปางต่างๆ มีจุดให้อาหารปลา บรรยากาศร่มรื่น
6. สวนหินผางาม จ.เลย (คุนหมิงเมืองเลย)
ขับรถจากขอนแก่น ตามถนนมะลิวัลย์ ไป จ.เลย ไม่ต้องแวะ ภูกระดึง วิ่งต่อไปจนถึง อ.หนองหิน
ทางเข้าจะอยู่ด้านซ้าย เขียนป้ายว่า คุนหมิงเมืองเลย
เมื่อไปถึงจะมีที่จอดรถ จากนั้นเดินเข้าไปได้เลย เป็นทางเดินรอบภูเขา ชมธรรมชาติ
มีมุด มีลอด มีไต่บรรได และสิ้นสุดที่จุดชมวิวบนยอดเขา
7. ภูกระดึง จ.เลย
เปิดให้เที่ยว ต.ค. - พ.ค. ของทุกปี เหมาะสำหรับไปเที่ยวแบบกางเต๊นท์ 3-4 วัน
ควรไปถึงตอนเช้า เพราะต้องเดินขึ้นเขา 10 ก.ม. กว่าจะถึงจุดกลางเต๊นท์ก็ค่ำๆ
ช่วงวันหยุดยาว คนนิยมไปกันเยอะ ถ้าไม่ชอบคนเยอะ ก็ไปช่วงวันหยุดไม่ยาวดีกว่า :)
8. อุทยานแห่งชาติไทรทอง
จากขอนแก่น วิ่งไป จ.ชัยภูมิ แล้วอ่านป้ายไปเรื่อยๆ จนถึงอุทยานแห่งชาติ
หลังจากเข้าไปแล้ว จะผ่านไปได้แค่รถกระบะ (เนื่องจากมีบางจุดของเส้นทางที่น้ำท่วม)
เจ้าหน้าที่จึงให้ผ่านแต่รถกระบะ
ที่นี่จะมีน้ำตกไทรทอง ซึ่งเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ บริเวณทางเข้า (แนะนำให้เล่นน้ำตกก่อน)
จากทางเข้าขับรถไปอีก 10 กม. จะถึงจุดชมวิว ผาหำหด และเดินอีก 5 กม จะถึง ทุ่งดอกกระเจียว
9. สวนสัตว์โคราช
จากขอนแก่น วิ่งไปโคราช มุ่งหน้า อ.ปักธงชัย จะไปยัง สวนสัตว์โคราช
ที่นี่มีทั้งสวนสัตว์และสวนน้ำอยู่ด้วยกัน ค่าผ่านประตูไม่แพง
10. ศาลาแก้วภู่ หนองคาย
จากขอนแก่น วิ่งไปหนองคาย ชมวิวริมฝั่งแม่น้ำโขง ซื้อของตลาดท่าเสด็จ แล้วแวะชมศาลาแก้วภู่
มีพระพุทธรูปปางต่างๆ แวะให้อาหารนก อาหารปลาได้ด้วย
จริงๆ มีแหล่งท่องเที่ยวมากกว่านี้ แต่ยังไม่เคยไป เลยไม่เขียนไว้
ข้อแตกต่างของการย้ายจาก กทม มาอยู่ ตจว ก็คือ
1. หมดปัญหารถติด
2. เที่ยวได้รอบทิศ
3. อากาศดี
1. พัทยา 2
จาก บขส ไปถนนมะลิวัลย์ วิ่งเลยบ้านฝางมาอีก 10 นาที มองด้านขวา เห็นโรงเรียนกับวัด ให้กลับรถ
(ป้ายบอกทาง จะบอกว่าไป หินช้างสี, พัทยา 2, เขื่อนอุบลรัตน์)
มีชายหาด มีอาหารกุ้งหอยปูปลา พาเด็กๆ เล่นน้ำ มีเรือถีบ
2. หินช้างสี
จากทางเข้าซอยเดียวกันกับข้อ 1 เข้าซอยไปสัก 2 หมู่บ้าน จะมีป้ายให้เลี้ยวขวา ไปหินช้างสีได้
หินช้างสีเป็นจุดชมวิวเล็กๆ เส้นทางขับรถจะค่อนข้างลึกเข้าไปในป่า
ถ้าชอบขับรถชมวิวธรรมชาติ และมีปลายทางเป็นจุดชมวิว ก็น่าแวะไปสักครั้ง
3. วัดพระบาทภูพานคํา
จากข้อ 2 ถ้าเราไม่เลี้ยงขวา วิ่งตรงมาเรื่อยๆ (ป้ายบอกทางไปเขื่อนอุบลรัตน์)
จะผ่านที่ทำการอุทยานแห่งชาติน้ำพอง (ชมวิวริมเขื่อน)
วิ่งเลยไปจนถึงเขื่อนอุบลรัตน์ ที่ด้านซ้ายจะมีป้ายบอกทางไป วัดพระบาทภูพานคำ
มีบรรไดยาว 1000 ขั้น มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ประดิษฐานบนยอดเขา และจุดชมวิวด้วย
4. ตลาดต้นตาล
รวมร้านอาหารน่ากิน เปิด 5 โมงเย็น - 4 ทุ่ม อยู่ในตัวเมืองขอนแก่น ใกล้ BigC ขอนแก่น
5. วัดป่าธรรมอุทยาน
จากขอนแก่น ขับรถตามถนนมิตรภาพไปหนองคาย พอเลย ม.ขอนแก่น จะเห็นห้าง Lotus ขับเลยไปอีก จะเห็นปั๊ม ปตท วัดป่าธรรมอุทยาน จะอยู่ทางด้านขวา พอเห็นแล้วก็กลับรถแวะเข้าไปได้
ที่นี่มีพระพุทธรูปางต่างๆ มีจุดให้อาหารปลา บรรยากาศร่มรื่น
6. สวนหินผางาม จ.เลย (คุนหมิงเมืองเลย)
ขับรถจากขอนแก่น ตามถนนมะลิวัลย์ ไป จ.เลย ไม่ต้องแวะ ภูกระดึง วิ่งต่อไปจนถึง อ.หนองหิน
ทางเข้าจะอยู่ด้านซ้าย เขียนป้ายว่า คุนหมิงเมืองเลย
เมื่อไปถึงจะมีที่จอดรถ จากนั้นเดินเข้าไปได้เลย เป็นทางเดินรอบภูเขา ชมธรรมชาติ
มีมุด มีลอด มีไต่บรรได และสิ้นสุดที่จุดชมวิวบนยอดเขา
7. ภูกระดึง จ.เลย
เปิดให้เที่ยว ต.ค. - พ.ค. ของทุกปี เหมาะสำหรับไปเที่ยวแบบกางเต๊นท์ 3-4 วัน
ควรไปถึงตอนเช้า เพราะต้องเดินขึ้นเขา 10 ก.ม. กว่าจะถึงจุดกลางเต๊นท์ก็ค่ำๆ
ช่วงวันหยุดยาว คนนิยมไปกันเยอะ ถ้าไม่ชอบคนเยอะ ก็ไปช่วงวันหยุดไม่ยาวดีกว่า :)
8. อุทยานแห่งชาติไทรทอง
จากขอนแก่น วิ่งไป จ.ชัยภูมิ แล้วอ่านป้ายไปเรื่อยๆ จนถึงอุทยานแห่งชาติ
หลังจากเข้าไปแล้ว จะผ่านไปได้แค่รถกระบะ (เนื่องจากมีบางจุดของเส้นทางที่น้ำท่วม)
เจ้าหน้าที่จึงให้ผ่านแต่รถกระบะ
ที่นี่จะมีน้ำตกไทรทอง ซึ่งเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ บริเวณทางเข้า (แนะนำให้เล่นน้ำตกก่อน)
จากทางเข้าขับรถไปอีก 10 กม. จะถึงจุดชมวิว ผาหำหด และเดินอีก 5 กม จะถึง ทุ่งดอกกระเจียว
9. สวนสัตว์โคราช
จากขอนแก่น วิ่งไปโคราช มุ่งหน้า อ.ปักธงชัย จะไปยัง สวนสัตว์โคราช
ที่นี่มีทั้งสวนสัตว์และสวนน้ำอยู่ด้วยกัน ค่าผ่านประตูไม่แพง
10. ศาลาแก้วภู่ หนองคาย
จากขอนแก่น วิ่งไปหนองคาย ชมวิวริมฝั่งแม่น้ำโขง ซื้อของตลาดท่าเสด็จ แล้วแวะชมศาลาแก้วภู่
มีพระพุทธรูปปางต่างๆ แวะให้อาหารนก อาหารปลาได้ด้วย
จริงๆ มีแหล่งท่องเที่ยวมากกว่านี้ แต่ยังไม่เคยไป เลยไม่เขียนไว้
ข้อแตกต่างของการย้ายจาก กทม มาอยู่ ตจว ก็คือ
1. หมดปัญหารถติด
2. เที่ยวได้รอบทิศ
3. อากาศดี
วันเสาร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2556
หลักในการเลือกซื้อโน๊ตบุค ปี 2013
อันนี้เป็นคำแนะนำคร่าวๆนะครับว่าเวลาเลือกซื้อโน๊ตบุค ควรคำนึงถึงปัจจัยอะไรบ้าง
1. CPU
ในปี 2013 นี้ CPU ในโน๊ตบุคราคาถูก (ต่ำกว่า 13,000 บาท) ส่วนใหญ่จะเป็น
อันดับ การกินไฟ
111. Intel i3-3120M 35 วัตต์
163. Intel Pentium 2020M 35 วัตต์
233. Intel Pentium 2117U 17 วัตต์
314. Intel Celeron 1007U 17 วัตต์
364. Intel Pentium 997 17 วัตต์
374. AMD A4-3305M 35 วัตต์
485. Intel Celeron 847 17 วัตต์
502. AMD E2-2000 18 วัตต์
525. AMD E1-1500 18 วัตต์
เรียงตามลำดับความแรง อ้างอิงจากเว็บ
http://www.notebookcheck.net/Mobile-Processors-Benchmarklist.2436.0.html
- หากคุณทำงานที่ต้องใช้พลัง CPU สูง (เช่นงานตัดต่อวีดีโอ) Pentium 2020M จะคุ้มที่สุด ทั้งแรง ทั้งถูก
- หากคุณชอบพกพาไปใช้นอกบ้าน CPU กินไฟต่ำ จะช่วยให้ใช้แบตเตอรรี่ได้นานขึ้น
- หากคุณชอบเล่นเกม CPU AMD จะมีการ์ดจอ ATI ให้ด้วย (เล่นเกมได้ราบรื่นขึ้น)
หมายเหตุ : CPU อันดับ 300 - 500 ไม่ถือว่าช้า แม้ว่าจะอยู่อันดับท้ายๆ แต่ประสิทธิภาพในการใช้งานจริง อาจจะทำงานได้เร็วใกล้เคียงกันก็ได้ ที่ดูต่างกันเยอะ เพราะ CPU ในท้องตลาดมีหลายรุ่นมากๆ ก็เลยทำให้ดูเหมือนอันดับต่างกันเยอะ
โปรแกรมอีกตัวที่ใช้เช็คประสิทธิภาพ CPU รุ่นต่างๆก็คือ Performance Test ก็ไปโหลดมาเช็คดูได้
http://www.passmark.com/products/index.htm
2. คีย์บอร์ด และปุ่ม Shift ขวา
เวลาเลือกซื้อโน๊ตบุค ผมจะมองปุ่ม Shift ขวา ก่อนเป็นอันดับแรก
ถ้าปุ่มนี้สั้น ผมจะไม่เอารุ่นนั้นเลย ถ้าปุ่มนี้ยาว ก็ OK จะได้พิมพ์คล่อง ๆ
นอกจากนี้ ผมชอบลองพิมพ์ด้วย ถ้าพิมพ์ง่าย พิมพ์สะดวก ก็จะน่าซื้อกว่า
3. รองรับ Windows 7 ไหม ?
เครื่องรุ่นใหม่มากๆ จะรองรับแค่ Windows 8 แต่ไม่รองรับ Windows 7
แต่ผู้ใช้ส่วนใหญ่พบว่า Windows 7 ใช้ง่ายกว่า Windows 8
ดังนั้น เมื่อซื้อโน๊ตบุค หากเครื่องนั้นรองรับทั้ง 7 และ 8 ก็จะดีกว่า จะได้เลือกใช้ได้
4. พอร์ท hdmi
พอร์ทนี้ใช้สำหรับเสียบกับ LCD TV หากคุณชอบดูหนัง มีพอร์ทนี้ด้วย จะช่วยให้ดูหนังจากโน๊ตบุคผ่านจอ LCD TV ได้
5. ความสวยของเครื่อง
เพราะเราต้องใช้มันไปอีกนาน การได้มองเครื่องสวยๆ ช่วยให้เราภูมิใจที่ได้ซื้อมา
6. อายุแบตเตอรี่
ถ้าได้แบต 6 Cell ก็จะดีกว่า 4 Cell เพราะจะเก็บประจุได้มากกว่า
บวกกับซื้อรุ่นที่ CPU ประหยัดไฟ ก็ช่วยให้ใช้เครื่องได้นานยิ่งขึ้น โดยไม่เสียบปลั๊ก
7. ขนาด Harddisk และ Ram
Ram เยอะข้อดีคือ ทำงานได้ราบรื่น แต่ข้อเสียคือ กินแบตมากขึ้น
(เครื่องที่ผมใช้อยู่ ผมถอดแรม 2 GB ออก แล้วใส่แรม 1 GB แทน เพื่อประหยัดไฟ)
ฮาร์ดดิส สมัยนี้เกือบทุกเครื่องก็ให้ความจุตั้งแต่ 320 GB ขึ้นไป ซึ่งแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
8. ความบาง
เครื่องบางๆ ช่วยให้ดูสวยงามและหรูหรา แต่ก็มีข้อควรระวังคือ
อย่ากดแรง, อย่าวางแรง, อย่าเคาะคีย์บอร์ดแรง เพราะอาจทำให้ฮาร์ดดิสเสียหายได้ง่าย
ถ้าจะซื้อให้เด็กเล่นเกม ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อบาง ซื้อขนาดปรกติจะดีกว่า
9. ยี่ห้อ
เอาชื่อรุ่น ชื่อยี่ห้อ ไปค้นใน google เช่น สนใจรุ่น abc123
ก็ไปพิมพ์คำค้นว่า "abc123 เปิดไม่ติด"
แล้วลองอ่านผลการค้นหา จะพบว่ารุ่นดังกล่าวนั้น ประวัติดีหรือไม่ :)
ถ้ามีแต่คนบ่นว่า เสียตรงนั้น เสียตรงนี้ ก็หลีกเลี่ยงดีกว่า
แต่ถ้าค้นแล้ว มีแต่คนชม ยี่ห้อนั้น ก็จะน่าซื้อกว่า
10. กล้อง Web Cam
โน๊ตบุคบางรุ่น ติดกล้องอย่างดี ถ่ายวีดีโอความละเอียดสูง 720p ได้
หากเน้นเล่น Skype กล้องที่ชัดกว่า ก็จะดีกว่า (และราคาอาจแพงกว่า)
11. สถานที่ซื้อ
ซื้อตามห้าง หรือซื้อตามร้านขายคอมทั่วไปก็ได้
ขอแค่เป็นของใหม่ ประกัน 1 ปี ก็พอแล้ว
1. CPU
ในปี 2013 นี้ CPU ในโน๊ตบุคราคาถูก (ต่ำกว่า 13,000 บาท) ส่วนใหญ่จะเป็น
อันดับ การกินไฟ
111. Intel i3-3120M 35 วัตต์
163. Intel Pentium 2020M 35 วัตต์
233. Intel Pentium 2117U 17 วัตต์
314. Intel Celeron 1007U 17 วัตต์
364. Intel Pentium 997 17 วัตต์
374. AMD A4-3305M 35 วัตต์
485. Intel Celeron 847 17 วัตต์
502. AMD E2-2000 18 วัตต์
525. AMD E1-1500 18 วัตต์
เรียงตามลำดับความแรง อ้างอิงจากเว็บ
http://www.notebookcheck.net/Mobile-Processors-Benchmarklist.2436.0.html
- หากคุณทำงานที่ต้องใช้พลัง CPU สูง (เช่นงานตัดต่อวีดีโอ) Pentium 2020M จะคุ้มที่สุด ทั้งแรง ทั้งถูก
- หากคุณชอบพกพาไปใช้นอกบ้าน CPU กินไฟต่ำ จะช่วยให้ใช้แบตเตอรรี่ได้นานขึ้น
- หากคุณชอบเล่นเกม CPU AMD จะมีการ์ดจอ ATI ให้ด้วย (เล่นเกมได้ราบรื่นขึ้น)
หมายเหตุ : CPU อันดับ 300 - 500 ไม่ถือว่าช้า แม้ว่าจะอยู่อันดับท้ายๆ แต่ประสิทธิภาพในการใช้งานจริง อาจจะทำงานได้เร็วใกล้เคียงกันก็ได้ ที่ดูต่างกันเยอะ เพราะ CPU ในท้องตลาดมีหลายรุ่นมากๆ ก็เลยทำให้ดูเหมือนอันดับต่างกันเยอะ
โปรแกรมอีกตัวที่ใช้เช็คประสิทธิภาพ CPU รุ่นต่างๆก็คือ Performance Test ก็ไปโหลดมาเช็คดูได้
http://www.passmark.com/products/index.htm
2. คีย์บอร์ด และปุ่ม Shift ขวา
เวลาเลือกซื้อโน๊ตบุค ผมจะมองปุ่ม Shift ขวา ก่อนเป็นอันดับแรก
ถ้าปุ่มนี้สั้น ผมจะไม่เอารุ่นนั้นเลย ถ้าปุ่มนี้ยาว ก็ OK จะได้พิมพ์คล่อง ๆ
นอกจากนี้ ผมชอบลองพิมพ์ด้วย ถ้าพิมพ์ง่าย พิมพ์สะดวก ก็จะน่าซื้อกว่า
3. รองรับ Windows 7 ไหม ?
เครื่องรุ่นใหม่มากๆ จะรองรับแค่ Windows 8 แต่ไม่รองรับ Windows 7
แต่ผู้ใช้ส่วนใหญ่พบว่า Windows 7 ใช้ง่ายกว่า Windows 8
ดังนั้น เมื่อซื้อโน๊ตบุค หากเครื่องนั้นรองรับทั้ง 7 และ 8 ก็จะดีกว่า จะได้เลือกใช้ได้
4. พอร์ท hdmi
พอร์ทนี้ใช้สำหรับเสียบกับ LCD TV หากคุณชอบดูหนัง มีพอร์ทนี้ด้วย จะช่วยให้ดูหนังจากโน๊ตบุคผ่านจอ LCD TV ได้
5. ความสวยของเครื่อง
เพราะเราต้องใช้มันไปอีกนาน การได้มองเครื่องสวยๆ ช่วยให้เราภูมิใจที่ได้ซื้อมา
6. อายุแบตเตอรี่
ถ้าได้แบต 6 Cell ก็จะดีกว่า 4 Cell เพราะจะเก็บประจุได้มากกว่า
บวกกับซื้อรุ่นที่ CPU ประหยัดไฟ ก็ช่วยให้ใช้เครื่องได้นานยิ่งขึ้น โดยไม่เสียบปลั๊ก
7. ขนาด Harddisk และ Ram
Ram เยอะข้อดีคือ ทำงานได้ราบรื่น แต่ข้อเสียคือ กินแบตมากขึ้น
(เครื่องที่ผมใช้อยู่ ผมถอดแรม 2 GB ออก แล้วใส่แรม 1 GB แทน เพื่อประหยัดไฟ)
ฮาร์ดดิส สมัยนี้เกือบทุกเครื่องก็ให้ความจุตั้งแต่ 320 GB ขึ้นไป ซึ่งแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
8. ความบาง
เครื่องบางๆ ช่วยให้ดูสวยงามและหรูหรา แต่ก็มีข้อควรระวังคือ
อย่ากดแรง, อย่าวางแรง, อย่าเคาะคีย์บอร์ดแรง เพราะอาจทำให้ฮาร์ดดิสเสียหายได้ง่าย
ถ้าจะซื้อให้เด็กเล่นเกม ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อบาง ซื้อขนาดปรกติจะดีกว่า
9. ยี่ห้อ
เอาชื่อรุ่น ชื่อยี่ห้อ ไปค้นใน google เช่น สนใจรุ่น abc123
ก็ไปพิมพ์คำค้นว่า "abc123 เปิดไม่ติด"
แล้วลองอ่านผลการค้นหา จะพบว่ารุ่นดังกล่าวนั้น ประวัติดีหรือไม่ :)
ถ้ามีแต่คนบ่นว่า เสียตรงนั้น เสียตรงนี้ ก็หลีกเลี่ยงดีกว่า
แต่ถ้าค้นแล้ว มีแต่คนชม ยี่ห้อนั้น ก็จะน่าซื้อกว่า
10. กล้อง Web Cam
โน๊ตบุคบางรุ่น ติดกล้องอย่างดี ถ่ายวีดีโอความละเอียดสูง 720p ได้
หากเน้นเล่น Skype กล้องที่ชัดกว่า ก็จะดีกว่า (และราคาอาจแพงกว่า)
11. สถานที่ซื้อ
ซื้อตามห้าง หรือซื้อตามร้านขายคอมทั่วไปก็ได้
ขอแค่เป็นของใหม่ ประกัน 1 ปี ก็พอแล้ว
วันอังคารที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2556
รีวิว Evil Dead 2013 และหนังอีก 4 เรื่อง
หลังจากได้ดู Evil Dead 2013 ทำให้เห็นความเกี่ยวพันธ์ของหนัง 5 เรื่องคือ
1. Evil Dead (2013)
2. The Evil Dead (1981)
3. The Woods (2006)
4. The Cabin in the Woods (2012)
5. Scary Movie 5 (2013)
1. พูดถึง Evil Dead 2013 ก่อน เปิดเรื่องมาก็มีตื่นเต้นเล็กน้อย
จากนั้นก็แนะนำตัวละคร จนถึงตอนอ่านหนังสือ และเริ่มมีปีศาจออกมาหลอก
หลังจากนั้นก็ออกแนวโหด เลือดสาด
ตอนที่ดูก็รู้สึกว่า ถ้าฆ่ากันไปเรื่อยๆจนจบ ก็คงเป็นแค่หนังสยอง โหดๆ ธรรมดา เรื่องนึง
แต่ตอนจบมีหักมุม ก็เลยพอยอมรับได้
ส่วนที่ไม่ชอบเลย ก็คงเป็นฉากโหด ไม่รู้จะโหดไปถึงไหน
สรุปว่าเหมาะกับคอหนังสยองเท่านั้น เปิดให้เด็ก หรือคนแก่ดูไม่ได้ เลือดท่วมจอเกินไป
ส่วนที่ชอบอีกนิดนึง ก็ตรงความผูกพันธ์ระหว่างเพื่อน (ชาย กับ ชาย) ที่คอยช่วยเหลือกันจนวันตาย
กับความผูกพันธ์ของพี่น้อง (ชาย กับ หญิง) ที่ยอมทำทุกอย่าง เพื่อช่วยน้อง
บวกกับการหักมุมตอนจบ เลยทำให้หนัง Evil Dead ดูมีเนื้อหาสาระน่าจดจำอยู่เหมือนกัน ...
2. พอดูเรื่องแรกจบ ก็เกิดสงสัยว่า แล้วเวอร์ชั่นดั้งเดิม มันเป็นยังไง สนุกไหม
ก็เลยไปหามาดู (มีพากษ์ไทยด้วย)
จากที่อ่านประวัติ imdb หนัง Evil Dead (1981) กำกับโดยผู้กำกับ Spiderman โดยมีทุนสร้างแค่ 350,000 $ กว่าจะสร้างจบ ทีมงานและผู้กำกับต้องลงทุนไปกู้นายทุนรอบทิศ เพื่อสร้างหนังเรื่องนี้
หากเขาเกิดปี 1959 เขากำกับหนังเรื่องนี้ตอนอายุ 22 เท่านั้น
โอ้โหหนังของคนอายุ 22 กลายเป็นตำนานที่ 32 ปีต่อมา ต้องเอามาสร้างใหม่ ....
จากการดู ก็ยอมรับว่า หนังไม่น่าเบื่อ มีส่วนคล้ายกับเวอร์ชั่นใหม่อยู่บ้าง ตรงความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน
แต่เนื้อหาไม่มีหักมุม แต่ก็น่ากลัว ตามยุคสมัยของมัน
กับทุุนสร้างแค่นั้น เขาทำได้ขนาดนี้ ก็ถือว่าเก่งแล้วละ
3. เอ๊ะ แล้วมันเกี่ยวยังไงกับเรื่อง The Woods (2006)
ก็เพราะพระเอก Evil Dead (1981) คือ Bruce Campbell ซึ่งแสดงเรื่อง The Woods (2006) ด้วย
The Woods เป็นหนังเกี่ยวกับป่า มีเถาวัลย์เลื้อยฆ่าคน ตอนจบนางเอกใช้ขวานฆ่าปีศาจ
และ Bruce เป็นพ่อของนางเอก
ซึ่งในเรื่อง Evil Dead, Bruce ก็ใช้ขวานฆ่าปีศาจเหมือนกัน ไม่เกี่ยวก็ต้องเกี่ยว ...555...
สิ่งที่แตกต่างมากๆ ก็คือ ไม่นึกว่าตอนหนุ่ม Bruce Campbell จะหล่อได้ขนาดนี้
4. พอนึกถึง The Cabin in the Woods ก็ร้องอ๋อเลย เนื้อเรื่องคล้าย Evil Dead (1981) มาก
มีกระท่อมร้างกลางป่า มีห้องใต้ถุนที่ต้องเปิดฝาลงไป
5. และสุดท้าย Scary Movie 5 ขำมากๆๆ ล้อเรื่อง Evil Dead 2013 เต็มๆ
จบรีวิว ที่ว่าถึงความสัมพันธ์ของหนัง 5 เรื่อง ที่ไม่น่าจะเกี่ยวกัน แต่ก็เกี่ยวข้องกันแบบรู้สึกได้ ...
1. Evil Dead (2013)
2. The Evil Dead (1981)
3. The Woods (2006)
4. The Cabin in the Woods (2012)
5. Scary Movie 5 (2013)
1. พูดถึง Evil Dead 2013 ก่อน เปิดเรื่องมาก็มีตื่นเต้นเล็กน้อย
จากนั้นก็แนะนำตัวละคร จนถึงตอนอ่านหนังสือ และเริ่มมีปีศาจออกมาหลอก
หลังจากนั้นก็ออกแนวโหด เลือดสาด
ตอนที่ดูก็รู้สึกว่า ถ้าฆ่ากันไปเรื่อยๆจนจบ ก็คงเป็นแค่หนังสยอง โหดๆ ธรรมดา เรื่องนึง
แต่ตอนจบมีหักมุม ก็เลยพอยอมรับได้
ส่วนที่ไม่ชอบเลย ก็คงเป็นฉากโหด ไม่รู้จะโหดไปถึงไหน
สรุปว่าเหมาะกับคอหนังสยองเท่านั้น เปิดให้เด็ก หรือคนแก่ดูไม่ได้ เลือดท่วมจอเกินไป
ส่วนที่ชอบอีกนิดนึง ก็ตรงความผูกพันธ์ระหว่างเพื่อน (ชาย กับ ชาย) ที่คอยช่วยเหลือกันจนวันตาย
กับความผูกพันธ์ของพี่น้อง (ชาย กับ หญิง) ที่ยอมทำทุกอย่าง เพื่อช่วยน้อง
บวกกับการหักมุมตอนจบ เลยทำให้หนัง Evil Dead ดูมีเนื้อหาสาระน่าจดจำอยู่เหมือนกัน ...
2. พอดูเรื่องแรกจบ ก็เกิดสงสัยว่า แล้วเวอร์ชั่นดั้งเดิม มันเป็นยังไง สนุกไหม
ก็เลยไปหามาดู (มีพากษ์ไทยด้วย)
จากที่อ่านประวัติ imdb หนัง Evil Dead (1981) กำกับโดยผู้กำกับ Spiderman โดยมีทุนสร้างแค่ 350,000 $ กว่าจะสร้างจบ ทีมงานและผู้กำกับต้องลงทุนไปกู้นายทุนรอบทิศ เพื่อสร้างหนังเรื่องนี้
หากเขาเกิดปี 1959 เขากำกับหนังเรื่องนี้ตอนอายุ 22 เท่านั้น
โอ้โหหนังของคนอายุ 22 กลายเป็นตำนานที่ 32 ปีต่อมา ต้องเอามาสร้างใหม่ ....
จากการดู ก็ยอมรับว่า หนังไม่น่าเบื่อ มีส่วนคล้ายกับเวอร์ชั่นใหม่อยู่บ้าง ตรงความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน
แต่เนื้อหาไม่มีหักมุม แต่ก็น่ากลัว ตามยุคสมัยของมัน
กับทุุนสร้างแค่นั้น เขาทำได้ขนาดนี้ ก็ถือว่าเก่งแล้วละ
3. เอ๊ะ แล้วมันเกี่ยวยังไงกับเรื่อง The Woods (2006)
ก็เพราะพระเอก Evil Dead (1981) คือ Bruce Campbell ซึ่งแสดงเรื่อง The Woods (2006) ด้วย
The Woods เป็นหนังเกี่ยวกับป่า มีเถาวัลย์เลื้อยฆ่าคน ตอนจบนางเอกใช้ขวานฆ่าปีศาจ
และ Bruce เป็นพ่อของนางเอก
ซึ่งในเรื่อง Evil Dead, Bruce ก็ใช้ขวานฆ่าปีศาจเหมือนกัน ไม่เกี่ยวก็ต้องเกี่ยว ...555...
สิ่งที่แตกต่างมากๆ ก็คือ ไม่นึกว่าตอนหนุ่ม Bruce Campbell จะหล่อได้ขนาดนี้
4. พอนึกถึง The Cabin in the Woods ก็ร้องอ๋อเลย เนื้อเรื่องคล้าย Evil Dead (1981) มาก
มีกระท่อมร้างกลางป่า มีห้องใต้ถุนที่ต้องเปิดฝาลงไป
5. และสุดท้าย Scary Movie 5 ขำมากๆๆ ล้อเรื่อง Evil Dead 2013 เต็มๆ
จบรีวิว ที่ว่าถึงความสัมพันธ์ของหนัง 5 เรื่อง ที่ไม่น่าจะเกี่ยวกัน แต่ก็เกี่ยวข้องกันแบบรู้สึกได้ ...
วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2556
รีวิว Dark Skies
http://www.imdb.com/title/tt2387433/
คนที่ดูหนังมาเยอะอย่างเรา กับหนังบางเรื่อง ถ้าต้องเสียเวลาดูตั้งแต่ต้นจนจ บถือว่าเสียเวลามากๆ
ทุกๆนาทีของหนัง โดยเฉพาะ 30 นาทีแรก หนังต้องสะกดคนดูให้อยากติดตาม เราถึงจะอยากดูโดยไม่กด fast forward
หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ผมไม่กด fast forward เลยแม้แต่นาทีเดียว ...
ก่อนดู นึกว่าเป็นหนังผี ดูไปดูมา ... เหอๆๆๆ ....
นับตั้งแต่หนังเรื่อง The Fourth Kind นี่เป็นเรื่องที่ 2 ที่ทำให้ผมรู้สึกกลัว
ดูจนเหลืออีก 20 นาที หนังใกล้จบ ผมต้องปิดทีวี แล้วเข้านอน
(ตอนนั้น เที่ยงคืนพอดี นั่งดูอยู่คนเดียว)
พอเข้านอนแล้ว ถึงค่อยดูต่อจนจบ
จะมีเหตุการณ์ต่างๆในหนัง ซึ่งแปลก และเกิดขึ้นทุกคืน
จนกลางเรื่องมีผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำว่าต้องสู้กับเหตุการณ์ประหลาดยังไง
และตอนจบเป็น climax นำไปสู่ผลการต่อสู้ และปริศนาทุกอย่างคลี่คลาย
หากคุณนั่งดูคนเดียว เวลาเที่ยงคืนเหมือนผม ... มีหนาวแน่ ๆ
แอบทึ่งในเนื้อหา, วิธีการเดินเรื่อง, ที่ทำให้รู้สึกน่าติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ
และหนังเรื่องนี้ดูได้ทั้งครอบครัว ไม่มีฉากเลือดสาดใดๆ ...
คนที่ดูหนังมาเยอะอย่างเรา กับหนังบางเรื่อง ถ้าต้องเสียเวลาดูตั้งแต่ต้นจนจ
ทุกๆนาทีของหนัง โดยเฉพาะ 30 นาทีแรก หนังต้องสะกดคนดูให้อยากติดตาม เราถึงจะอยากดูโดยไม่กด fast forward
หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ผมไม่กด fast forward เลยแม้แต่นาทีเดียว ...
ก่อนดู นึกว่าเป็นหนังผี ดูไปดูมา ... เหอๆๆๆ ....
นับตั้งแต่หนังเรื่อง The Fourth Kind นี่เป็นเรื่องที่ 2 ที่ทำให้ผมรู้สึกกลัว
ดูจนเหลืออีก 20 นาที หนังใกล้จบ ผมต้องปิดทีวี แล้วเข้านอน
(ตอนนั้น เที่ยงคืนพอดี นั่งดูอยู่คนเดียว)
พอเข้านอนแล้ว ถึงค่อยดูต่อจนจบ
จะมีเหตุการณ์ต่างๆในหนัง ซึ่งแปลก และเกิดขึ้นทุกคืน
จนกลางเรื่องมีผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำว่าต้องสู้กับเหตุการณ์ประหลาดยังไง
และตอนจบเป็น climax นำไปสู่ผลการต่อสู้ และปริศนาทุกอย่างคลี่คลาย
หากคุณนั่งดูคนเดียว เวลาเที่ยงคืนเหมือนผม ... มีหนาวแน่ ๆ
แอบทึ่งในเนื้อหา, วิธีการเดินเรื่อง, ที่ทำให้รู้สึกน่าติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ
และหนังเรื่องนี้ดูได้ทั้งครอบครัว ไม่มีฉากเลือดสาดใดๆ ...
วันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
ทฤษฏีโลกหลังความตาย (อีกแล้ว)
หากย้อนอ่าน blog เก่าๆของผม จะเห็นว่าผมมีแนวคิดที่วิเคราะห์จากหนังบ้าง และที่คิดเองบ้างเกี่ยวกับเรื่องนี้ วันนี้เกิดแนวคิดขึ้นมาอีก
ถ้าหากในโลกมนุษย์เรา มีทั้งตำรวจดีและไม่ดี เมื่อเราตายไปแล้ว ความเชื่อสากลเชื่อว่า ทำดีไปสวรรค์ ทำชั่วไปนรก ดังนั้น ในโลกหลังความตาย ก็น่าจะมีคนตัดสินว่าใครไปสวรรค์ ใครไปนรก
สมมติเราเรียกคนนี้ว่าผู้ตัดสิน ซึ่งมีทั้งคนดี และคนไม่ดี
เหมือนหนังเรื่อง Constantine
ผู้ตัดสินที่ดี คอยดูว่าใครทำดีและพาไปสวรรค์
ผู้ตัดสินที่นิสัยไม่ดี คอยดูว่าใครทำชั่วและพาไปนรก
หากเราเป็นคนๆนึง ที่ไม่ทำความดี และไม่ทำความชั่วเลย จะเกิดอะไรขึ้น
ผู้ตัดสินนิสัยไม่ดี จะยั่วยุเรา ให้ทำความชั่ว เพื่อจะได้ลากเราลงนรก (ผมคิดอย่างนั้นนะ)
เช่น เราตั้งใจว่าจะไม่กินเนื้อสัตว์ ก็จะมีเหตุให้เรายอมแพ้ ชอบกินเนื้อสัตว์
เราตั้งใจว่าจะดูแลพ่อแม่อย่างดี ก็จะมีเหตุให้เราทะเลาะกับพ่อแม่
ในส่วนนี้ ศาสนาพุทธเราสอนให้เราเจริญสติ คือ ท่องว่า หิวหนอ, ปวดหนอ, อยากหนอ, หงุดหงิดหนอ
หากมีมารมายั่วยุ เมื่อเรารู้ทัน เราก็จะไม่ปล่อยตัวเองให้ทำผิด เช่น ด่าว่าพ่อแม่
ปรกติผมเป็นคนไม่ค่อยเข้าวัด ไม่ค่อยทำบุญ คำสอนเหล่านี้เคยได้ยิน ตอนวัยรุ่น
และคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระ จะท่องไปทำไม เดินหนอ หิวหนอ
จนเมื่อเรารู้สึกว่ามีมารมายั่วยุ และเราควบคุมตัวเองไม่ได้ พ่ายแพ้แก่มาร
เราจึงเข้าใจว่า สิ่งเหล่านั้นคือการรู้ทัน ใช้สติควบคุมตนเองไม่ให้แพ้แก่มาร
และสิ่งนี้ยืนยันว่า เมื่อเราไม่ประสงค์จะทำดีและทำชั่ว
มารจะเข้ามายั่วยุเราให้ทำชั่ว เพื่อลากเราลงนรก
สิ่งที่เราต้องทำคือ ต้องมีสติ อย่าให้มารมากำหนดชีวิตเรา
ถ้าหากในโลกมนุษย์เรา มีทั้งตำรวจดีและไม่ดี เมื่อเราตายไปแล้ว ความเชื่อสากลเชื่อว่า ทำดีไปสวรรค์ ทำชั่วไปนรก ดังนั้น ในโลกหลังความตาย ก็น่าจะมีคนตัดสินว่าใครไปสวรรค์ ใครไปนรก
สมมติเราเรียกคนนี้ว่าผู้ตัดสิน ซึ่งมีทั้งคนดี และคนไม่ดี
เหมือนหนังเรื่อง Constantine
ผู้ตัดสินที่ดี คอยดูว่าใครทำดีและพาไปสวรรค์
ผู้ตัดสินที่นิสัยไม่ดี คอยดูว่าใครทำชั่วและพาไปนรก
หากเราเป็นคนๆนึง ที่ไม่ทำความดี และไม่ทำความชั่วเลย จะเกิดอะไรขึ้น
ผู้ตัดสินนิสัยไม่ดี จะยั่วยุเรา ให้ทำความชั่ว เพื่อจะได้ลากเราลงนรก (ผมคิดอย่างนั้นนะ)
เช่น เราตั้งใจว่าจะไม่กินเนื้อสัตว์ ก็จะมีเหตุให้เรายอมแพ้ ชอบกินเนื้อสัตว์
เราตั้งใจว่าจะดูแลพ่อแม่อย่างดี ก็จะมีเหตุให้เราทะเลาะกับพ่อแม่
ในส่วนนี้ ศาสนาพุทธเราสอนให้เราเจริญสติ คือ ท่องว่า หิวหนอ, ปวดหนอ, อยากหนอ, หงุดหงิดหนอ
หากมีมารมายั่วยุ เมื่อเรารู้ทัน เราก็จะไม่ปล่อยตัวเองให้ทำผิด เช่น ด่าว่าพ่อแม่
ปรกติผมเป็นคนไม่ค่อยเข้าวัด ไม่ค่อยทำบุญ คำสอนเหล่านี้เคยได้ยิน ตอนวัยรุ่น
และคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระ จะท่องไปทำไม เดินหนอ หิวหนอ
จนเมื่อเรารู้สึกว่ามีมารมายั่วยุ และเราควบคุมตัวเองไม่ได้ พ่ายแพ้แก่มาร
เราจึงเข้าใจว่า สิ่งเหล่านั้นคือการรู้ทัน ใช้สติควบคุมตนเองไม่ให้แพ้แก่มาร
และสิ่งนี้ยืนยันว่า เมื่อเราไม่ประสงค์จะทำดีและทำชั่ว
มารจะเข้ามายั่วยุเราให้ทำชั่ว เพื่อลากเราลงนรก
สิ่งที่เราต้องทำคือ ต้องมีสติ อย่าให้มารมากำหนดชีวิตเรา
วันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
รีวิว Cloud Atlas
http://www.imdb.com/title/tt1371111/
Cloud Atlas เป็นหนัง 3 ช.ม. ของผู้กำกับ The Matrix
(เรื่องก่อนนั้นว่างงแล้ว เรื่องนี้งงหนักกว่า)
หนังเรื่องนี้เกี่ยวกับการตายแล้วเกิดใหม่ เป็นชาติต่างๆ 6 ชาติ ของคนกลุ่มหนึ่ง
หนังเดินเรื่องสลับไปมา ระหว่างชาติต่างๆ คนดูต้องลำดับเนื้อหาเอาเอง
ว่าชาติแรกเนื้อเรื่องเป็นยังไง ชาติที่สองเนื้อเรื่องเป็นยังไง
เหมือนเป็นหนังเล็ก 6 เรื่อง ที่ฉายพร้อมๆกันบน TV 6 ช่อง
พอเรื่องแรกโฆษณา เราก็กดรีโมทไปดูอีกช่องนึง
เลยกลายเป็นดูทีเดียวพร้อมกัน 6 เรื่อง ... 5555
ความสนุกอยู่ที่การลับสมองว่า เราจะจำเนื้อเรื่องได้ไหม (เล่นฉายสลับไปสลับมานี่นา)
และนั่งทายว่า ตัวละครตัวนี้ เป็นดาราคนไหน
แต่ละคนเปลี่ยนโฉมซะจนจำไม่ได้
ตอนที่ชอบคือตอนคนแก่หนีจากบ้านพักคนชรา ... ตลกดี
สาระหลักของหนังน่าจะอยู่ตรงแนวคิดว่า ตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบันจนไปถึงอนาคต
มนุษย์เรายังคงชอบจับคนอื่นมาทำเป็นทาสรับใช้
ในยุคแรกๆ คนขาวจับคนดำมาทำเป็นทาส
ในยุคปัจจุบัน ชาติที่ร่ำรวยใช้แรงงานจากชาติที่ยากจน ให้ทำงานที่คนรวยไม่ทำ เช่น ฆ่าไก่
(แม้แต่ในเมืองไทยเอง เราก็ใช้แรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานนี้)
และในยุคอนาคตที่เราสามารถสร้างมนุษย์โคลนนิ่งได้ เราก็ยังโคลนนิ่งเพื่อให้เป็นทาสเรา โดยที่เราเอาเปรียบเขาทุกอย่าง
เมื่อเราเอาแต่ความเจริญทางวัตถุ และไม่เอื้อเฟื้อต่อกัน สุดท้ายโลกก็จะล่มสลาย ....
Cloud Atlas เป็นหนัง 3 ช.ม. ของผู้กำกับ The Matrix
(เรื่องก่อนนั้นว่างงแล้ว เรื่องนี้งงหนักกว่า)
หนังเรื่องนี้เกี่ยวกับการตายแล้วเกิดใหม่ เป็นชาติต่างๆ 6 ชาติ ของคนกลุ่มหนึ่ง
หนังเดินเรื่องสลับไปมา ระหว่างชาติต่างๆ คนดูต้องลำดับเนื้อหาเอาเอง
ว่าชาติแรกเนื้อเรื่องเป็นยังไง ชาติที่สองเนื้อเรื่องเป็นยังไง
เหมือนเป็นหนังเล็ก 6 เรื่อง ที่ฉายพร้อมๆกันบน TV 6 ช่อง
พอเรื่องแรกโฆษณา เราก็กดรีโมทไปดูอีกช่องนึง
เลยกลายเป็นดูทีเดียวพร้อมกัน 6 เรื่อง ... 5555
ความสนุกอยู่ที่การลับสมองว่า เราจะจำเนื้อเรื่องได้ไหม (เล่นฉายสลับไปสลับมานี่นา)
และนั่งทายว่า ตัวละครตัวนี้ เป็นดาราคนไหน
แต่ละคนเปลี่ยนโฉมซะจนจำไม่ได้
ตอนที่ชอบคือตอนคนแก่หนีจากบ้านพักคนชรา ... ตลกดี
สาระหลักของหนังน่าจะอยู่ตรงแนวคิดว่า ตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบันจนไปถึงอนาคต
มนุษย์เรายังคงชอบจับคนอื่นมาทำเป็นทาสรับใช้
ในยุคแรกๆ คนขาวจับคนดำมาทำเป็นทาส
ในยุคปัจจุบัน ชาติที่ร่ำรวยใช้แรงงานจากชาติที่ยากจน ให้ทำงานที่คนรวยไม่ทำ เช่น ฆ่าไก่
(แม้แต่ในเมืองไทยเอง เราก็ใช้แรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานนี้)
และในยุคอนาคตที่เราสามารถสร้างมนุษย์โคลนนิ่งได้ เราก็ยังโคลนนิ่งเพื่อให้เป็นทาสเรา โดยที่เราเอาเปรียบเขาทุกอย่าง
เมื่อเราเอาแต่ความเจริญทางวัตถุ และไม่เอื้อเฟื้อต่อกัน สุดท้ายโลกก็จะล่มสลาย ....
วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
รีวิว Wind Chill (2007)
http://www.imdb.com/title/tt0486051/
เลือกดูเรื่องนี้เพราะเป็นหนังสยองขวัญของนางเอกคนสวย Emily Blunt
ก่อนดูไม่ได้อ่านเรื่องย่อ รู้แต่เป็นหนังสยองขวัญ
ระหว่างดูก็เดาไปต่างๆนาๆว่า นี่เป็นหนังฆาตกรโรคจิต หรือหนังผี หรือหนังมนุษย์ต่างดาว
ดูจนจบ รู้สึกเฉยๆ ไม่รู้สึกสนุก
แค่มีประเด็นติดค้างในใจว่า ทำไมตอนนั้นถึงทำอย่างนี้ ทำไมคนเขียนบทถึงเขียนแบบนี้
สนุกก็ไม่สนุก โรแมนติคก็ไม่ น่ากลัวก็แค่นิดหน่อย
หนังเรื่องนี้เกี่ยวกับการขับรถกลับบ้านของ 2 หนุ่มสาว และรถเสียกลางหิมะตอนกลางคืน
ส่วนจะเป็นหนังสยองขวัญแบบไหน เล่าไปเดี๋ยวจะไม่ได้ลุ้น
ถ้าดูฆ่าเวลา ดูเอาบรรยากาศ และปล่อยให้หนังเล่าเรื่องไป หนังเรื่องนี้ก็มีอะไรให้จดจำเหมือนกัน ...
เลือกดูเรื่องนี้เพราะเป็นหนังสยองขวัญของนางเอกคนสวย Emily Blunt
ก่อนดูไม่ได้อ่านเรื่องย่อ รู้แต่เป็นหนังสยองขวัญ
ระหว่างดูก็เดาไปต่างๆนาๆว่า นี่เป็นหนังฆาตกรโรคจิต หรือหนังผี หรือหนังมนุษย์ต่างดาว
ดูจนจบ รู้สึกเฉยๆ ไม่รู้สึกสนุก
แค่มีประเด็นติดค้างในใจว่า ทำไมตอนนั้นถึงทำอย่างนี้ ทำไมคนเขียนบทถึงเขียนแบบนี้
สนุกก็ไม่สนุก โรแมนติคก็ไม่ น่ากลัวก็แค่นิดหน่อย
หนังเรื่องนี้เกี่ยวกับการขับรถกลับบ้านของ 2 หนุ่มสาว และรถเสียกลางหิมะตอนกลางคืน
ส่วนจะเป็นหนังสยองขวัญแบบไหน เล่าไปเดี๋ยวจะไม่ได้ลุ้น
ถ้าดูฆ่าเวลา ดูเอาบรรยากาศ และปล่อยให้หนังเล่าเรื่องไป หนังเรื่องนี้ก็มีอะไรให้จดจำเหมือนกัน ...
วันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
อยู่กรุงเทพไปเที่ยวไหนได้มั่ง ?
ในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ หลายๆท่านอยู่กับบ้าน เพราะไม่รู้จะไปไหน นี่คือกิจกรรมที่สามารถทำได้ หากท่านอยู่ใน กทม
1. เที่ยวสวนสาธารณะ - ในกทมมีมากกว่า 30 สวน สวนขนาดใหญ่ได้แก่
- สวนหลวง ร.9 ... กว้างมาก, มีเรือถีบ, มีน้ำตกจำลอง, มีพุ่มไม้เขาวงกต
- สวนรถไฟ ... กว้างมาก, มีจักรยานให้เช่า, มีทางเดินเชื่อมไปสวนสิริกิติ์, มีร้านขายอาหารตรงทางเข้า
ช่วงเวลาที่น่าไปคือ ต้นฤดูฝน ดอกไม้จะสวย, เดือนกุมพาพันธ์ ใบไม้ร่วงเต็มสวน สวยไปอีกแบบ
- สวนธนบุรีรมย์ ... กว้างมาก, มีมุมสวยๆ ร่มรื่น เยอะมาก
- สวนเบญจกิติ ... อยู่ติดศูนย์ประชุมสิริกิติ์ เหมาะที่จะไปเดินตอนเย็นๆ มีสระน้ำขนาดใหญ่อยู่กลางสวน นั่งเก้าอี้ดูพระอาทิตย์ตก เพลินมาก
- สวนพระนคร ... (แต่อยู่ใกล้ ม. ลาดกระบัง) กว้างปานกลาง เดินจากสวนไป ม.ลาดกระบัง นั่งรถไฟกลับ หัวลำโพงได้
- เขาดิน ... มีเรือถีบ วิวสวย
2. นั่งรถไฟระยะใกล้ เช็คตารางเดินรถได้ที่ www.railway.co.th
- วงเวียนใหญ่-มหาชัย ข้ามเรือไปต่อสาย บ้านแหลม-แม่กลอง
- ศิริราช-ศาลายา
- หัวลำโพง-ลาดกระบัง
- หัวลำโพง-รังสิต
3. นั่งเรือ
- เรือธงส้ม สาทร-ท่าน้ำนนท์ ชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาไปเรื่อยๆ
- เรือข้ามฟาก ปากน้ำ ... บริเวณนั้นเป็นแม่น้ำที่กว้าง นั่งเรือข้ามฟากเล่นก็เพลินเหมือนกัน
4. นั่งรถเมล์
- ออกจากบ้าน 7 โมงเช้า นั่งรถเมล์สายที่ไม่เคยไป นั่งจนสุดสาย แล้วหาคันใหม่ นั่งไปเรื่อยๆ
บางครั้งจะผ่านสถานที่ที่น่าสนใจ เช่น สวนสาธารณะเล็กๆ เราก็ลงไปเดินเที่ยว
แล้วก็หารถเมล์นั่งต่อไป ตกเย็นก็นั่งรถเมล์กลับบ้าน
5. เที่ยวเช้าไปเย็นกลับ กับการรถไฟ www.railway.co.th ทริปที่ราคาถูก และเที่ยวสนุก คือ
- น้ำตกไทรโยคน้อย ... พอถึงจุดหมายแล้ว เดินจากน้ำตก ขึ้นเขาไปสักพัก จะมีถ้ำ และมีคนนำทาง ภายในถ้ำ มีขนาดกว้างใหญ่
- สวนสนปดิพัทธ์ ... พอถึงจุดหมาย สามารถเหมารถไปเขาตะเกียบ เขาตะเกียบมีลักษณะเป็นเขาวงกต หากเราเดินเท้าขึ้นไป จะมีทางแยกซ้ายขวา เลือกไปทางไหนก็ได้ เพราะจะมีทางไปเรื่อยๆ
บนยอดเขา มีพระพุทธรูป และจุดชมวิวมองชายหาดหัวหิน
6. เที่ยวเช้าไปเย็นกลับ กับรถไฟฟรี ไปน้ำตกเอราวัณ
- ขึ้นรถไฟฟรีที่สถานีธนบุรี (ใกล้โรงพยาบาลศิริราช) รถไฟออก 7.45 ถึงกาญจนบุรี 11.00 ไป บขส แล้วนั่งรถบัสไปน้ำตกเอราวัณ (ค่ารถ 50) ขากลับ นั่งรถทัวว์กลับ กทม (ค่ารถ 100 กว่าบาท)
- น้ำตกเอราวัณจะมี 7 ชั้น ชั้นบนสวยที่สุด เหมาะสำหรับคนชอบเดินขึ้นเขา
1. เที่ยวสวนสาธารณะ - ในกทมมีมากกว่า 30 สวน สวนขนาดใหญ่ได้แก่
- สวนหลวง ร.9 ... กว้างมาก, มีเรือถีบ, มีน้ำตกจำลอง, มีพุ่มไม้เขาวงกต
- สวนรถไฟ ... กว้างมาก, มีจักรยานให้เช่า, มีทางเดินเชื่อมไปสวนสิริกิติ์, มีร้านขายอาหารตรงทางเข้า
ช่วงเวลาที่น่าไปคือ ต้นฤดูฝน ดอกไม้จะสวย, เดือนกุมพาพันธ์ ใบไม้ร่วงเต็มสวน สวยไปอีกแบบ
- สวนธนบุรีรมย์ ... กว้างมาก, มีมุมสวยๆ ร่มรื่น เยอะมาก
- สวนเบญจกิติ ... อยู่ติดศูนย์ประชุมสิริกิติ์ เหมาะที่จะไปเดินตอนเย็นๆ มีสระน้ำขนาดใหญ่อยู่กลางสวน นั่งเก้าอี้ดูพระอาทิตย์ตก เพลินมาก
- สวนพระนคร ... (แต่อยู่ใกล้ ม. ลาดกระบัง) กว้างปานกลาง เดินจากสวนไป ม.ลาดกระบัง นั่งรถไฟกลับ หัวลำโพงได้
- เขาดิน ... มีเรือถีบ วิวสวย
2. นั่งรถไฟระยะใกล้ เช็คตารางเดินรถได้ที่ www.railway.co.th
- วงเวียนใหญ่-มหาชัย ข้ามเรือไปต่อสาย บ้านแหลม-แม่กลอง
- ศิริราช-ศาลายา
- หัวลำโพง-ลาดกระบัง
- หัวลำโพง-รังสิต
3. นั่งเรือ
- เรือธงส้ม สาทร-ท่าน้ำนนท์ ชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาไปเรื่อยๆ
- เรือข้ามฟาก ปากน้ำ ... บริเวณนั้นเป็นแม่น้ำที่กว้าง นั่งเรือข้ามฟากเล่นก็เพลินเหมือนกัน
4. นั่งรถเมล์
- ออกจากบ้าน 7 โมงเช้า นั่งรถเมล์สายที่ไม่เคยไป นั่งจนสุดสาย แล้วหาคันใหม่ นั่งไปเรื่อยๆ
บางครั้งจะผ่านสถานที่ที่น่าสนใจ เช่น สวนสาธารณะเล็กๆ เราก็ลงไปเดินเที่ยว
แล้วก็หารถเมล์นั่งต่อไป ตกเย็นก็นั่งรถเมล์กลับบ้าน
5. เที่ยวเช้าไปเย็นกลับ กับการรถไฟ www.railway.co.th ทริปที่ราคาถูก และเที่ยวสนุก คือ
- น้ำตกไทรโยคน้อย ... พอถึงจุดหมายแล้ว เดินจากน้ำตก ขึ้นเขาไปสักพัก จะมีถ้ำ และมีคนนำทาง ภายในถ้ำ มีขนาดกว้างใหญ่
- สวนสนปดิพัทธ์ ... พอถึงจุดหมาย สามารถเหมารถไปเขาตะเกียบ เขาตะเกียบมีลักษณะเป็นเขาวงกต หากเราเดินเท้าขึ้นไป จะมีทางแยกซ้ายขวา เลือกไปทางไหนก็ได้ เพราะจะมีทางไปเรื่อยๆ
บนยอดเขา มีพระพุทธรูป และจุดชมวิวมองชายหาดหัวหิน
6. เที่ยวเช้าไปเย็นกลับ กับรถไฟฟรี ไปน้ำตกเอราวัณ
- ขึ้นรถไฟฟรีที่สถานีธนบุรี (ใกล้โรงพยาบาลศิริราช) รถไฟออก 7.45 ถึงกาญจนบุรี 11.00 ไป บขส แล้วนั่งรถบัสไปน้ำตกเอราวัณ (ค่ารถ 50) ขากลับ นั่งรถทัวว์กลับ กทม (ค่ารถ 100 กว่าบาท)
- น้ำตกเอราวัณจะมี 7 ชั้น ชั้นบนสวยที่สุด เหมาะสำหรับคนชอบเดินขึ้นเขา
วันศุกร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2556
รีวิว Dying Breed
กลุ่มนักสำรวจไปตามหาเสือแทสมาเนีย แต่ไปเจอมนุษย์กินคนแทน
เชื่อหรือไม่ว่า ตอนจบเหลือพระเอกรอดคนเดียว
ขณะที่รอด พระเอกไม่รู้ว่าใครคือ คนร้ายตัวจริง
และไม่รู้ว่าทุกคนรอบตัวคือมนุษย์กินคน
สุดท้าย .... ก็เลยไม่รอด
ทั้งๆที่หนีพวกในป่า เข้าไปในชุมชนได้แล้ว มีตำรวจมาหาด้วย
ตอบจบตำรวจกลับโรงพัก
แทนที่จะขอนั่งรถไปกับตำรวจ
แต่เนื่องจากไม่รู้ว่า พวกที่อยู่รอบตัวนี่แหล่ะคือมนุษย์กินคน
พระเอกเลยนั่งกินกาแฟไปเรื่อยเปื่อย ... ก็เลยโดนเชือดตอนจบ
ทั้งที่มีโอกาสรอด แต่กลับชะล่าใจว่าตัวเองรอดแล้ว สุดท้ายก็เลยไม่รอด
แง่คิดที่ได้จากหนังเรื่องนี้ก็ตอนจบนี่แหล่ะ
เชื่อหรือไม่ว่า ตอนจบเหลือพระเอกรอดคนเดียว
ขณะที่รอด พระเอกไม่รู้ว่าใครคือ คนร้ายตัวจริง
และไม่รู้ว่าทุกคนรอบตัวคือมนุษย์กินคน
สุดท้าย .... ก็เลยไม่รอด
ทั้งๆที่หนีพวกในป่า เข้าไปในชุมชนได้แล้ว มีตำรวจมาหาด้วย
ตอบจบตำรวจกลับโรงพัก
แทนที่จะขอนั่งรถไปกับตำรวจ
แต่เนื่องจากไม่รู้ว่า พวกที่อยู่รอบตัวนี่แหล่ะคือมนุษย์กินคน
พระเอกเลยนั่งกินกาแฟไปเรื่อยเปื่อย ... ก็เลยโดนเชือดตอนจบ
ทั้งที่มีโอกาสรอด แต่กลับชะล่าใจว่าตัวเองรอดแล้ว สุดท้ายก็เลยไม่รอด
แง่คิดที่ได้จากหนังเรื่องนี้ก็ตอนจบนี่แหล่ะ
วันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2556
รีวิว Final Destination 2
หนังเก่า วันนี้เปิดดูอีกรอบนึง รู้สึกว่าภาคนี้น่าจะเป็นภาคที่ดีที่สุด ถ้าเทียบกับภาค 4 กับ 5
ภาค 4 กับ 5 เหมือนหนังที่มีฉากอุบัติเหตุสลับกับฉากคนคุยกัน หาความสัมพันธ์ของเนื้อเรื่องแทบไม่ได้
แต่ภาค 2 นี่ ผูกเรื่องมาดี มีความสมเหตุสมผล ไม่ได้โชว์อุบัติเหตุเอามันส์อย่างเดียว
ภาคนี้ให้แง่คิดว่า
1. อย่าขับรถตามหลังรถบรรทุกท่อนซุง ถ้ามันหลุดออกมา เกิดอุบัติเหตุได้
2. อย่าเอาขวดน้ำไว้ใต้แป้นเบรค จะทำให้เหยียบเบรคไม่ได้
3. อย่าโยนเศษอาหารไว้ตามพื้น คนเดินผ่านอาจลื่นหกล้มได้ (ในหนังคนที่โยนเศษอาหารเป็นคนหกล้มซะเอง)
4. อย่าตื่นตกใจเกินกว่าเหตุ ฉากที่ตะขอเกี่ยวผมผู้หญิง ผู้หญิงดิ้นหนีสุดฤทธิ์ แต่ดันไปติดอยู่ตรงประตูลิฟ ตายเพราะความลนลานแท้ๆ
5. ถุงลมนิรภัยก็ทำให้คนตายได้ ถ้ามีไม้แหลมอยู่ข้างหลัง
หนัง final destination เน้นความเชื่อที่ว่า คนเราเมื่อถึงที่ตาย หนียังไงก็ไม่พ้น
ส่วนนี้จะว่าไปก็เห็นด้วย เหมือนคำโปรยใบปิดหนังอีกเรื่องนึงที่ว่า
all the power in the universe can't change destiny.
ก็แปลว่าพลังอะไรในจักรวาลก็เปลี่ยนโชคชะตาไม่ได้
ไม่รู้จะเขียนอะไรต่อ 555 จบรีวิว
เพิ่งนึกออก หนังเรื่องนี้ให้แง่คิดว่า คนเราไม่ว่าจะรวยหรือจน เมื่อถึงเวลาตาย ก็เอาอะไรไปด้วยไม่ได้
ดิ้นรนไปก็หนีความตายไม่พ้น
ระหว่างที่เรามีชีวิตอยู่ แทนที่จะกังวลเรื่องวันตายของตัวเอง เอาเวลาไปช่วยเหลือคนอื่นดีกว่า ตายไปจะได้ขึ้นสวรรค์
ภาค 4 กับ 5 เหมือนหนังที่มีฉากอุบัติเหตุสลับกับฉากคนคุยกัน หาความสัมพันธ์ของเนื้อเรื่องแทบไม่ได้
แต่ภาค 2 นี่ ผูกเรื่องมาดี มีความสมเหตุสมผล ไม่ได้โชว์อุบัติเหตุเอามันส์อย่างเดียว
ภาคนี้ให้แง่คิดว่า
1. อย่าขับรถตามหลังรถบรรทุกท่อนซุง ถ้ามันหลุดออกมา เกิดอุบัติเหตุได้
2. อย่าเอาขวดน้ำไว้ใต้แป้นเบรค จะทำให้เหยียบเบรคไม่ได้
3. อย่าโยนเศษอาหารไว้ตามพื้น คนเดินผ่านอาจลื่นหกล้มได้ (ในหนังคนที่โยนเศษอาหารเป็นคนหกล้มซะเอง)
4. อย่าตื่นตกใจเกินกว่าเหตุ ฉากที่ตะขอเกี่ยวผมผู้หญิง ผู้หญิงดิ้นหนีสุดฤทธิ์ แต่ดันไปติดอยู่ตรงประตูลิฟ ตายเพราะความลนลานแท้ๆ
5. ถุงลมนิรภัยก็ทำให้คนตายได้ ถ้ามีไม้แหลมอยู่ข้างหลัง
หนัง final destination เน้นความเชื่อที่ว่า คนเราเมื่อถึงที่ตาย หนียังไงก็ไม่พ้น
ส่วนนี้จะว่าไปก็เห็นด้วย เหมือนคำโปรยใบปิดหนังอีกเรื่องนึงที่ว่า
all the power in the universe can't change destiny.
ก็แปลว่าพลังอะไรในจักรวาลก็เปลี่ยนโชคชะตาไม่ได้
ไม่รู้จะเขียนอะไรต่อ 555 จบรีวิว
เพิ่งนึกออก หนังเรื่องนี้ให้แง่คิดว่า คนเราไม่ว่าจะรวยหรือจน เมื่อถึงเวลาตาย ก็เอาอะไรไปด้วยไม่ได้
ดิ้นรนไปก็หนีความตายไม่พ้น
ระหว่างที่เรามีชีวิตอยู่ แทนที่จะกังวลเรื่องวันตายของตัวเอง เอาเวลาไปช่วยเหลือคนอื่นดีกว่า ตายไปจะได้ขึ้นสวรรค์
วันพุธที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
รีวิว Vacancy 2
ก็แค่หนังสยองขวัญไล่ฆ่ากันเรื่องนึง ทำไมต้องรีวิว ...
หนังเรื่องนี้ภาคแรกได้ฉายโรง ภาค 2 ไม่ได้ฉายโรง ส่งขายเป็นหนังแผ่นเลย
โดยส่วนตัว เวลาดูหนังแนวนี้ จะชอบคิดว่า
1. ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับเรา เราจะเอาตัวรอดยังไง
2. บทหนังสมเหตุสมผลหรือเปล่า หรือแค่จงใจให้ตัวละครโดนเชือด
หนังเรื่องนี้ทำได้ดีในแง่ของ ความมีเหตุผลของเหตุการณ์ต่างๆในเรื่อง
1. เริ่มจาก ข้อเท็จจริงที่ว่า ที่พักบางแห่ง มีกล้องแอบถ่าย
เวลาจะปล้ำกัน ก็ดูกล้องด้วย อาจเป็นดาราโป๊โดยไม่ตั้งใจได้
แต่โรงแรมในเรื่องนี้ โรคจิตกว่านั้น ชอบฆ่าแขกที่มาพักด้วย
2. ช่วงต้นๆเรื่อง มีตากับยาย จะมาพัก แต่เจ้าของโรงแรมไม่อยากฆ่าเลยปล่อยไป
สถานการณ์นี้น่าสนใจตรงที่ 2 ตายาย ไม่ได้รู้เลยว่า โรงแรมนี้เตรียมจะเชือดคนที่เข้าพัก
นั่นเลยเป็นเรื่องน่าสนใจว่า เวลาเจอคนแปลกหน้า ยิ้มให้ บอกทางให้
ในใจเขาอาจจะไม่ยิ้มเหมือนใบหน้าก็ได้
เพราะหลังจากปล่อย 2 ตายายไป เจ้าของโรงแรมก็เริ่มไล่เชือด นางเอกกับเพื่อน
3. พอนางเอกวิ่งไปหาบ้านที่อยู่ใกล้ๆ ขอให้ช่วย 2 ตายายในบ้านนั้น กลับไว้ใจเจ้าของโรงแรม
ผลสุดท้าย โดยเก็บทั้งคู่
อันนี้ก็ให้บทเรียนเหมือนข้อ 2 คือ คนเรารู้จักกันมานานก็จริง แต่ความลับของเขา เราอาจจะยังไม่รู้ก็ได้
4. ตอนจบที่นางเอกโดนจับ อันนี้ บทหนังแอบช่วยนางเอกนิดนึง
ช่วยให้นางเอกดิ้นจนไม้เก้าอี้หลุด (เรื่องจริงคงไม่ง่ายอย่างนั้น)
หนังเรื่องนี้จัดว่าโหด ไม่เหมาะสำหรับเด็ก
แต่จุดที่ดีกว่าหนังสยองขวัญทั่วไปก็คือ การให้แง่คิด และความสมเหตุสมผลของเนื้อเรื่อง
หนังเรื่องนี้ภาคแรกได้ฉายโรง ภาค 2 ไม่ได้ฉายโรง ส่งขายเป็นหนังแผ่นเลย
โดยส่วนตัว เวลาดูหนังแนวนี้ จะชอบคิดว่า
1. ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับเรา เราจะเอาตัวรอดยังไง
2. บทหนังสมเหตุสมผลหรือเปล่า หรือแค่จงใจให้ตัวละครโดนเชือด
หนังเรื่องนี้ทำได้ดีในแง่ของ ความมีเหตุผลของเหตุการณ์ต่างๆในเรื่อง
1. เริ่มจาก ข้อเท็จจริงที่ว่า ที่พักบางแห่ง มีกล้องแอบถ่าย
เวลาจะปล้ำกัน ก็ดูกล้องด้วย อาจเป็นดาราโป๊โดยไม่ตั้งใจได้
แต่โรงแรมในเรื่องนี้ โรคจิตกว่านั้น ชอบฆ่าแขกที่มาพักด้วย
2. ช่วงต้นๆเรื่อง มีตากับยาย จะมาพัก แต่เจ้าของโรงแรมไม่อยากฆ่าเลยปล่อยไป
สถานการณ์นี้น่าสนใจตรงที่ 2 ตายาย ไม่ได้รู้เลยว่า โรงแรมนี้เตรียมจะเชือดคนที่เข้าพัก
นั่นเลยเป็นเรื่องน่าสนใจว่า เวลาเจอคนแปลกหน้า ยิ้มให้ บอกทางให้
ในใจเขาอาจจะไม่ยิ้มเหมือนใบหน้าก็ได้
เพราะหลังจากปล่อย 2 ตายายไป เจ้าของโรงแรมก็เริ่มไล่เชือด นางเอกกับเพื่อน
3. พอนางเอกวิ่งไปหาบ้านที่อยู่ใกล้ๆ ขอให้ช่วย 2 ตายายในบ้านนั้น กลับไว้ใจเจ้าของโรงแรม
ผลสุดท้าย โดยเก็บทั้งคู่
อันนี้ก็ให้บทเรียนเหมือนข้อ 2 คือ คนเรารู้จักกันมานานก็จริง แต่ความลับของเขา เราอาจจะยังไม่รู้ก็ได้
4. ตอนจบที่นางเอกโดนจับ อันนี้ บทหนังแอบช่วยนางเอกนิดนึง
ช่วยให้นางเอกดิ้นจนไม้เก้าอี้หลุด (เรื่องจริงคงไม่ง่ายอย่างนั้น)
หนังเรื่องนี้จัดว่าโหด ไม่เหมาะสำหรับเด็ก
แต่จุดที่ดีกว่าหนังสยองขวัญทั่วไปก็คือ การให้แง่คิด และความสมเหตุสมผลของเนื้อเรื่อง
รีวิว Sanctum
http://www.imdb.com/title/tt0881320/
แอบอ่านชื่อเรื่องว่า เซ็งถ้ำ ก็มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับถ้ำจริงๆนี่น่า
เทียบกับเรื่อง the cave ก็คล้ายๆกัน คือ ไปดำน้ำในถ้ำ แล้วก็ตายไปทีละคนๆ เหมือนกัน
แต่เรื่องนี้น่าสนใจกว่าตรงที่ ไม่มีสัตว์ประหลาด
อันตรายต่างๆในหนังเป็นสิ่งที่อาจเกิดขึ้นจริง ถ้าเราไปดำน้ำในถ้ำ ได้แก่
1. ถ้าจะมีฝนตก ให้รีบออกจากถ้ำ เพราะน้ำจะท่วม จมน้ำตายได้
2. หากสายอากาศขาด ถังสำรองเป็นสิ่งจำเป็น
3. เวลาใต่เชือก อย่าไว้ผมยาว เส้นผมอาจพันกับเชือกได้
ฯลฯ
หนังเรื่องนี้ ทั้งสนุกและได้ความรู้ไปพร้อมๆกัน ขอแนะนำ
แอบอ่านชื่อเรื่องว่า เซ็งถ้ำ ก็มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับถ้ำจริงๆนี่น่า
เทียบกับเรื่อง the cave ก็คล้ายๆกัน คือ ไปดำน้ำในถ้ำ แล้วก็ตายไปทีละคนๆ เหมือนกัน
แต่เรื่องนี้น่าสนใจกว่าตรงที่ ไม่มีสัตว์ประหลาด
อันตรายต่างๆในหนังเป็นสิ่งที่อาจเกิดขึ้นจริง ถ้าเราไปดำน้ำในถ้ำ ได้แก่
1. ถ้าจะมีฝนตก ให้รีบออกจากถ้ำ เพราะน้ำจะท่วม จมน้ำตายได้
2. หากสายอากาศขาด ถังสำรองเป็นสิ่งจำเป็น
3. เวลาใต่เชือก อย่าไว้ผมยาว เส้นผมอาจพันกับเชือกได้
ฯลฯ
หนังเรื่องนี้ ทั้งสนุกและได้ความรู้ไปพร้อมๆกัน ขอแนะนำ
วันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
รีวิว Insidious
www.imdb.com/title/tt1591095/
เคยดู 2 ปีมาแล้ว ยอมรับว่าเป็นหนังที่น่ากลัวมาก เนื้อเรื่องก็แปลกใหม่ ดูแล้วเชื่อว่า นี่สร้างจากเรื่องจริงหรือเปล่าเนี่ย
เรื่องย่อ คือ อยู่ดีๆ เด็กหลับไม่ตื่น 3 เดือน หมอผีบอกว่าวิญญาณออกจากร่าง
เลยให้พ่อเด็กถอดวิญญาณไปตามเด็กมาเข้าร่าง
ตอนจบทำได้ดีมากๆ ขอเล่าแค่นี้ละกัน
ใครยังไม่ดูขอแนะนำว่า อย่าดูคนเดียว ...
ย้อนอ่านรีวิวเก่าของตัวเองเรื่อง Source Code แล้วทำให้คิดว่า เรื่องนี้ก็คล้ายๆกันนะ
เรื่อง Source Code เชื่อแบบทฤษฏีวิทยาศาสตร์ว่ามีโลกคู่ขนาน
เรื่อง Insidious เชื่อแบบไสยศาสตร์ว่า มีชีวิต มีวิญญาณ มีโลกของวิญญาณ
เอ๊ะ ... หรือมันจะเป็นเรื่องเดียวกัน ที่เล่าจากมุมมองที่ต่างกัน
เคยดู 2 ปีมาแล้ว ยอมรับว่าเป็นหนังที่น่ากลัวมาก เนื้อเรื่องก็แปลกใหม่ ดูแล้วเชื่อว่า นี่สร้างจากเรื่องจริงหรือเปล่าเนี่ย
เรื่องย่อ คือ อยู่ดีๆ เด็กหลับไม่ตื่น 3 เดือน หมอผีบอกว่าวิญญาณออกจากร่าง
เลยให้พ่อเด็กถอดวิญญาณไปตามเด็กมาเข้าร่าง
ตอนจบทำได้ดีมากๆ ขอเล่าแค่นี้ละกัน
ใครยังไม่ดูขอแนะนำว่า อย่าดูคนเดียว ...
ย้อนอ่านรีวิวเก่าของตัวเองเรื่อง Source Code แล้วทำให้คิดว่า เรื่องนี้ก็คล้ายๆกันนะ
เรื่อง Source Code เชื่อแบบทฤษฏีวิทยาศาสตร์ว่ามีโลกคู่ขนาน
เรื่อง Insidious เชื่อแบบไสยศาสตร์ว่า มีชีวิต มีวิญญาณ มีโลกของวิญญาณ
เอ๊ะ ... หรือมันจะเป็นเรื่องเดียวกัน ที่เล่าจากมุมมองที่ต่างกัน
วันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2556
วิธีรับมือกับหน้าร้อน
หน้าร้อนนี้ อากาศร้อนอบอ้าวทุกวัน อุณหภูมิ 37 องศา ตอนกลางวัน คงจะอยู่ไปจนถึงสิ้นเดือนเมษา
ต่อไปนี้คือเทคนิคที่ผมใช้รับมือกับอากาศร้อน
1. เก็บความเย็นตอนกลางคืนไว้ให้นานที่สุด
ในตอนเช้า อากาศภายในบ้านยังเย็นอยู่ อย่าเปิดประตูหน้าต่าง เปิดหน้าต่างแค่แง้มๆ ก็พอ
แสงจะเข้ามาบ้าง อาจจะดูมืดไปหน่อย แต่ก็ยังพอมองเห็น (และอย่าเปิดหลอดไฟด้วย)
อากาศเย็นตอนกลางคืน จะยังคงอยู่ไปจนถึงตอนเที่ยง
2. ดูแลเครื่องใช้ไฟฟ้า
เปิดพัดลมให้มันบ้าง ไม่ว่าจะเป็นโน๊ตบุค แท็บเล็ต เพราะถ้ามันร้อนจัด มันพังได้
3. ทำน้ำแข็งกินเอง
ใช้กล่องไอติมวอลล์ กล่องละ 65 บาท กินไอติมให้หมด เหลือแต่กล่องเปล่า
ล้างให้สะอาด แล้วเติมน้ำสะอาด ปิดฝา แช่ช่องฟรีส
ทิ้งข้ามคืนไว้ วันพรุ่งนี้จะมีน้ำแข็งกินฟรี (ช่วงหน้าร้อน ผมแช่คืนละ 2 กล่อง)
ตอนจะกิน แกะน้ำแข็งออกจากกล่อง ถ้าแกะไม่ออก คว่ำกล่องลง เทน้ำใส่ด้านหลัง (บริเวณก้นกล่อง)
น้ำแข็งจะละลายหลุดออกมาเอง เอาใส่ถุงก๊อปแก๊ป เอาสากทุบ จะได้น้ำแข็งก้อนเล็กๆ
4. ชงเครื่องดื่มเอง
เอาน้ำแข็งใส่กระติก แล้วชง กาแฟ โอวัลติน ชาเนสที น้ำแดง แล้วแต่สะดวก
(น้ำหวานทุกชนิด ไม่ควรดื่มเกินวันละ 1 แก้ว เพราะจะทำให้อ้วน)
5. หามุมเย็นๆ
หลังเที่ยงไปแล้ว อากาศจะเริ่มร้อนจัด พัดลมก็เอาไม่อยู่
ลองเดินให้ทั่วบ้าน อาจพบมุมเย็นๆ ที่อากาศไม่ร้อน ถ้าเจอแล้ว ก็ปูเสื่อ นั่งเล่น นอนเล่นได้
6. อาบน้ำ
อาบน้ำ สระผมเลย ร้อนดีนัก ช่วยให้มีชีวิตแบบเย็นๆไปได้ครึ่งชั่วโมง
7. รับลมเย็น
หากระหว่างวัน มีฝนตก มีลมเย็นๆผ่าน ให้เปิดหน้าต่างทุกบาน เพื่อระบายความร้อนในบ้านออก
และรับอากาศเย็นจากนอกบ้านเข้ามาแทน
บ้านผมไม่ได้ติดแอร์ แต่ถึงติดแอร์ ผมก็คิดว่านั่นไม่ใช่ทางออกที่ดี
หากอากาศร้อนจัด และทุกบ้านพร้อมใจกันเปิดแอร์
โรงไฟฟ้าอาจไม่มีไฟฟ้าเพียงพอที่จะจ่าย และอาจทำให้ไฟดับได้
ดังนั้น การพยายามรับมือกับหน้าร้อน โดยใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าให้น้อยที่สุด
น่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่า
ต่อไปนี้คือเทคนิคที่ผมใช้รับมือกับอากาศร้อน
1. เก็บความเย็นตอนกลางคืนไว้ให้นานที่สุด
ในตอนเช้า อากาศภายในบ้านยังเย็นอยู่ อย่าเปิดประตูหน้าต่าง เปิดหน้าต่างแค่แง้มๆ ก็พอ
แสงจะเข้ามาบ้าง อาจจะดูมืดไปหน่อย แต่ก็ยังพอมองเห็น (และอย่าเปิดหลอดไฟด้วย)
อากาศเย็นตอนกลางคืน จะยังคงอยู่ไปจนถึงตอนเที่ยง
2. ดูแลเครื่องใช้ไฟฟ้า
เปิดพัดลมให้มันบ้าง ไม่ว่าจะเป็นโน๊ตบุค แท็บเล็ต เพราะถ้ามันร้อนจัด มันพังได้
3. ทำน้ำแข็งกินเอง
ใช้กล่องไอติมวอลล์ กล่องละ 65 บาท กินไอติมให้หมด เหลือแต่กล่องเปล่า
ล้างให้สะอาด แล้วเติมน้ำสะอาด ปิดฝา แช่ช่องฟรีส
ทิ้งข้ามคืนไว้ วันพรุ่งนี้จะมีน้ำแข็งกินฟรี (ช่วงหน้าร้อน ผมแช่คืนละ 2 กล่อง)
ตอนจะกิน แกะน้ำแข็งออกจากกล่อง ถ้าแกะไม่ออก คว่ำกล่องลง เทน้ำใส่ด้านหลัง (บริเวณก้นกล่อง)
น้ำแข็งจะละลายหลุดออกมาเอง เอาใส่ถุงก๊อปแก๊ป เอาสากทุบ จะได้น้ำแข็งก้อนเล็กๆ
4. ชงเครื่องดื่มเอง
เอาน้ำแข็งใส่กระติก แล้วชง กาแฟ โอวัลติน ชาเนสที น้ำแดง แล้วแต่สะดวก
(น้ำหวานทุกชนิด ไม่ควรดื่มเกินวันละ 1 แก้ว เพราะจะทำให้อ้วน)
5. หามุมเย็นๆ
หลังเที่ยงไปแล้ว อากาศจะเริ่มร้อนจัด พัดลมก็เอาไม่อยู่
ลองเดินให้ทั่วบ้าน อาจพบมุมเย็นๆ ที่อากาศไม่ร้อน ถ้าเจอแล้ว ก็ปูเสื่อ นั่งเล่น นอนเล่นได้
6. อาบน้ำ
อาบน้ำ สระผมเลย ร้อนดีนัก ช่วยให้มีชีวิตแบบเย็นๆไปได้ครึ่งชั่วโมง
7. รับลมเย็น
หากระหว่างวัน มีฝนตก มีลมเย็นๆผ่าน ให้เปิดหน้าต่างทุกบาน เพื่อระบายความร้อนในบ้านออก
และรับอากาศเย็นจากนอกบ้านเข้ามาแทน
บ้านผมไม่ได้ติดแอร์ แต่ถึงติดแอร์ ผมก็คิดว่านั่นไม่ใช่ทางออกที่ดี
หากอากาศร้อนจัด และทุกบ้านพร้อมใจกันเปิดแอร์
โรงไฟฟ้าอาจไม่มีไฟฟ้าเพียงพอที่จะจ่าย และอาจทำให้ไฟดับได้
ดังนั้น การพยายามรับมือกับหน้าร้อน โดยใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าให้น้อยที่สุด
น่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่า
วันพุธที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2556
รีวิว Source Code
เรื่องย่อ
พระเอกโดนระเบิด ร่างกายใช้การไม่ได้ เหลือแต่สมอง
ต่อมามีเหตุการณ์รถไฟระเบิด
นักวิทยาศาสตร์เก็บเศษสมองบนรถไฟ มาเชื่อมต่อกับสมองพระเอก
ผ่านระบบคอมพิวเตอร์ โดยจำลองเหตุการณ์ 8 นาที ก่อนรถไฟระเบิด
เพื่อให้พระเอกเข้าไปหาเบาะแสว่า ใครเป็นคนวางระเบิด
หลังจากจำลองเหตุการณ์ไปหลายรอบ ในที่สุดพระเอกก็เจอคนวางระเบิด
จึงบอกนักวิทยาศาสตร์ว่า คนวางระเบิดชื่ออะไร
ทหารก็เลยไปจับคนวางระเบิดได้ ก่อนที่จะไปวางระเบิดลูกที่สอง
หนังเรื่องนี้ นักวิทยาศาสตร์คิดว่าตัวเองได้จำลองเหตุการ์จากความจำที่หลงเหลือในเศษสมอง
แต่พระเอกบอกว่า มันไม่ใช่แค่การจำลอง แต่มันเป็นโลกคู่ขนานที่จิตของพระเอก เดินทางเข้าไปได้
ตอนจบพระเอกเลยขอให้ปิดเครื่อง เพื่อให้จิตของพระเอกจะได้ติดอยู่ในโลกคู่ขนานนั้น
ในสภาพร่างกายปรกติ
....
ดังนั้น แนวคิดของหนังเรื่องนี้ เชื่อว่า ในจักรวาลของเรา มีโลกคู่ขนาน
โลกคู่ขนาน ก็คือ อีกโลกหนึ่งซึ่งมีทุกอย่างเหมือนโลกปัจจุบัน
เช่น โลกปัจจุบัน โนบิตะพบรักกับชิซูกะ
แต่ในโลกคู่ขนาน โนบิตะพบรักกับใจโกะ
และในโลกคู่ขนานอีกใบ โนบิตะเป็นคนฉลาด
และมีโลกคู่ขนานอีกนับไม่ถ้วน ที่เหตุการณ์แตกต่างออกไป
.....
และแนวคิดอีกอย่างในหนังคือ โลกคู่ขนานนับไม่ถ้วนนั้น อยู่ในคอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง
ซึ่งหากเราเข้าไปแก้ Source Code ได้ จิตเราจะไปอยู่ในโลกอีกใบ
ก็เป็นทฤษฏีนึง ที่เอาแนวคิดที่เข้าใจยาก มาทำเป็นหนังที่ดูสนุก
พระเอกโดนระเบิด ร่างกายใช้การไม่ได้ เหลือแต่สมอง
ต่อมามีเหตุการณ์รถไฟระเบิด
นักวิทยาศาสตร์เก็บเศษสมองบนรถไฟ มาเชื่อมต่อกับสมองพระเอก
ผ่านระบบคอมพิวเตอร์ โดยจำลองเหตุการณ์ 8 นาที ก่อนรถไฟระเบิด
เพื่อให้พระเอกเข้าไปหาเบาะแสว่า ใครเป็นคนวางระเบิด
หลังจากจำลองเหตุการณ์ไปหลายรอบ ในที่สุดพระเอกก็เจอคนวางระเบิด
จึงบอกนักวิทยาศาสตร์ว่า คนวางระเบิดชื่ออะไร
ทหารก็เลยไปจับคนวางระเบิดได้ ก่อนที่จะไปวางระเบิดลูกที่สอง
หนังเรื่องนี้ นักวิทยาศาสตร์คิดว่าตัวเองได้จำลองเหตุการ์จากความจำที่หลงเหลือในเศษสมอง
แต่พระเอกบอกว่า มันไม่ใช่แค่การจำลอง แต่มันเป็นโลกคู่ขนานที่จิตของพระเอก เดินทางเข้าไปได้
ตอนจบพระเอกเลยขอให้ปิดเครื่อง เพื่อให้จิตของพระเอกจะได้ติดอยู่ในโลกคู่ขนานนั้น
ในสภาพร่างกายปรกติ
....
ดังนั้น แนวคิดของหนังเรื่องนี้ เชื่อว่า ในจักรวาลของเรา มีโลกคู่ขนาน
โลกคู่ขนาน ก็คือ อีกโลกหนึ่งซึ่งมีทุกอย่างเหมือนโลกปัจจุบัน
เช่น โลกปัจจุบัน โนบิตะพบรักกับชิซูกะ
แต่ในโลกคู่ขนาน โนบิตะพบรักกับใจโกะ
และในโลกคู่ขนานอีกใบ โนบิตะเป็นคนฉลาด
และมีโลกคู่ขนานอีกนับไม่ถ้วน ที่เหตุการณ์แตกต่างออกไป
.....
และแนวคิดอีกอย่างในหนังคือ โลกคู่ขนานนับไม่ถ้วนนั้น อยู่ในคอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง
ซึ่งหากเราเข้าไปแก้ Source Code ได้ จิตเราจะไปอยู่ในโลกอีกใบ
ก็เป็นทฤษฏีนึง ที่เอาแนวคิดที่เข้าใจยาก มาทำเป็นหนังที่ดูสนุก
วันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
แนวคิดเรื่องทำไมคนเราต้องตาย
วันนี้เล่นเกมในมือถือแอนดรอย สนุกดีเลยให้หลาน 5 ขวบ เล่นด้วย
หลานเล่นอยู่แป๊ปนึง แล้วก็เข้า play store แล้วก็ไปโหลดเกมใหม่มาเล่น
แอบทึ่งนิดๆที่เด็กอายุ 5 ขวบ ทำได้ขนาดนี้
เลยทำให้ปิ๊งแนวคิดหนึ่งขึ้นมาได้ ว่าทำไมมนุษย์ถึงมีอายุ 70 ปี แล้วก็ตาย ทำไมไม่อายุ 300 ปี
สมมุติว่าโลกเรามีแต่ต้นไม้ แล้วมีมนุษย์ต่างดาว นำมนุษย์มาปล่อยไว้บนโลก เพื่อให้เกิดวิวัฒนาการ
เมื่อเวลาผ่านไป มนุษย์ก็จะพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นไปเรื่อยๆ จากรถจักรไอน้ำ รถใช้น้ำมัน จนมาถึง iphone
แต่เนื่องจากข้อจำกัดการสร้างมนุษย์มีอยู่ว่า เมื่อมนุษย์แก่ตัวลง สมองจะไม่จำอะไรใหม่ๆ และไม่คิดอะไรใหม่ๆ
ดังนั้นจึงกำหนดให้ตายตอน 70 เกิดใหม่ และเรียนรู้ใหม่
ดังนั้นเพื่อให้โลกพัฒนาไปเรื่อยๆ จึงกำหนดให้มนุษย์อายุ 70 แล้วก็เกิดเป็นเด็กใหม่
เพื่อจะเรียนรู้ต่อ และพัฒนาเทคโนโลยีต่อไป
ส่วนเอเลี่ยนก็อยู่เฉยๆ ว่างๆก็แวบมาที่โลก แล้วก็ขน iphone กลับไปใช้บนดาวของพวกเขา
หรือดาวของเอเลี่ยนอาจจะปลูกข้าวไม่ได้ ก็จะแวบมาที่โลกเพื่อซื้อข้าวแล้วขนกลับดาว
นี่ละครับ แนวคิดของผมว่าทำไมมนุษย์ถึงต้องตาย ทำไมไม่อยู่ค้ำฟ้า :)
หลานเล่นอยู่แป๊ปนึง แล้วก็เข้า play store แล้วก็ไปโหลดเกมใหม่มาเล่น
แอบทึ่งนิดๆที่เด็กอายุ 5 ขวบ ทำได้ขนาดนี้
เลยทำให้ปิ๊งแนวคิดหนึ่งขึ้นมาได้ ว่าทำไมมนุษย์ถึงมีอายุ 70 ปี แล้วก็ตาย ทำไมไม่อายุ 300 ปี
สมมุติว่าโลกเรามีแต่ต้นไม้ แล้วมีมนุษย์ต่างดาว นำมนุษย์มาปล่อยไว้บนโลก เพื่อให้เกิดวิวัฒนาการ
เมื่อเวลาผ่านไป มนุษย์ก็จะพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นไปเรื่อยๆ จากรถจักรไอน้ำ รถใช้น้ำมัน จนมาถึง iphone
แต่เนื่องจากข้อจำกัดการสร้างมนุษย์มีอยู่ว่า เมื่อมนุษย์แก่ตัวลง สมองจะไม่จำอะไรใหม่ๆ และไม่คิดอะไรใหม่ๆ
ดังนั้นจึงกำหนดให้ตายตอน 70 เกิดใหม่ และเรียนรู้ใหม่
ดังนั้นเพื่อให้โลกพัฒนาไปเรื่อยๆ จึงกำหนดให้มนุษย์อายุ 70 แล้วก็เกิดเป็นเด็กใหม่
เพื่อจะเรียนรู้ต่อ และพัฒนาเทคโนโลยีต่อไป
ส่วนเอเลี่ยนก็อยู่เฉยๆ ว่างๆก็แวบมาที่โลก แล้วก็ขน iphone กลับไปใช้บนดาวของพวกเขา
หรือดาวของเอเลี่ยนอาจจะปลูกข้าวไม่ได้ ก็จะแวบมาที่โลกเพื่อซื้อข้าวแล้วขนกลับดาว
นี่ละครับ แนวคิดของผมว่าทำไมมนุษย์ถึงต้องตาย ทำไมไม่อยู่ค้ำฟ้า :)
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)