จากที่อ่านในเน็ต เห็นมีรีวิวเที่ยวภูกระดึงเยอะอยู่แล้ว ดังนั้น จะขอเขียนสรุปสั้นๆ ดังนี้
1. เหตุผลที่ไปเที่ยวภูกระดึง
- ราคาถูก เมื่อเราเดินทางไปถึงภูกระดึงแล้ว เราไม่ต้องเสียค่ารถ ค่าเรือ
หลังจากนั้น มีแต่เดินกับเดิน อยากไปเที่ยวไหน ... เดินไป
- โดยเฉพาะเมื่อเราเอาเต็นท์ไปเอง เสียค่าพื้นที่กางเต๊นท์ วันละ 60 บาท กับค่าบัตรเข้าอุทยานแค่ 40 บาท เที่ยว 3 วัน อุทยานเก็บตังค์เราแค่ 220 บาท ไม่แน่ใจว่าไปเที่ยวที่อื่น 4 วัน 3 คืน จะได้ราคาถูกขนาดนี้หรือเปล่า
- บนยอดภูกระดึง มีจุดแวะเที่ยวมากกว่า 10 จุด แล้วแต่ความขยันเดินของเราว่าจะไปไหน
2. จะเที่ยวภูกระดึง ต้องระวังอะไรบ้าง
ควรเดินขึ้นเขาก่อนเวลา 11 โมง เพราะต้องใช้เวลาเดินขึ้น 6 ชม กว่าจะถึงจุดกางเต๊นท์
ถ้าเดินช้า หรือพระอาทิตย์ตกเร็ว อาจมืดระหว่างทาง เป็นอันตรายได้
- ระวังรองเท้ากัด : ควรเตรียมไปทั้งรองเท้าแตะ และรองเท้าหุ้มส้น เน้นที่ใส่สบายไม่กัดเท้า เพราะต้องเดินเยอะมาก ถ้ารองเท้ากัด คุณจะเดินอย่างทรมานสุดๆ
- ระวังทากดูดเลือด : มันชอบกระโดดเกาะขา แขน ลำตัว ทากจะเยอะในหน้าฝน (ต.ค.-พ.ย.) และจะน้อยในหน้าหนาว สำหรับจุดกางเต๊นท์ โซน V จะมีทากเยอะ โซน H, L จะไม่มีทาก
- ระวังหนาว : เตรียมเสื้อกันหนาวไปด้วย อุณภูมิอาจต่ำถึง 8 องศา ในตอนกลางคืน
- ระวังลื่น : ในการเดินขึ้นเขาระยะทาง 5 ก.ม. พยายามก้าวอย่างระมัดระวัง เพราะถ้าล้มจนขาหัก จะกลายเป็นคนพิการได้ (ตอนเดินลงเขาก็ต้องระวังเหมือนกัน)
- ระวังช้างเหยียบ : อย่าไปไหนตามลำพัง ควรเดินเป็นกลุ่มใหญ่ ในเส้นทางที่เจ้าหน้าที่จัดไว้ อ่านป้ายคำเตือนต่างๆ อย่ามัวแต่ฟังเพลงเพราะเราต้องใช้หูฟังเสียงแปลกๆในป่า
เส้นทางอันตรายคือเส้นทางไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น ปัจจุบัน เจ้าหน้าที่จะนัดรวมกันเวลาตี 5 มีทหารเดินนำทางไปชมพระอาทิตย์ขึ้น
เส้นทางเดินกลับจากผานกแอ่นผ่านลานพระแก้วกลับมาที่จุดบริการนักท่องเที่ยว มีเหตุช้างป่าเหยียบคนมาแล้วหลายครั้ง ควรเดินเป็นกลุ่ม และหมั่นสังเกตุระหว่างเดินทางนี้
- ระวังสัตว์ป่าคุ้ยอาหารในเต๊นท์ : ไม่ควรเก็บอาหารไว้ในเต๊นท์ ควรกินให้หมด และทิ้งถังขยะให้เรียบร้อย หากสัตว์ป่าได้กลิ่นอาหาร มันอาจบุกพังเต๊นท์ เป็นอันตรายได้ (สัตว์อาจมาตอนเที่ยงคืน)
และไม่ควรกางเต๊นท์ใกล้ถังขยะ เพราะกลางคืนสัตว์ป่าชอบมาเดินรอบๆถังขยะ (เนื่องจากมีกลิ่นอาหาร)
นอกจากนี้ เวลาไปไหนควรไปเป็นกลุ่ม เผื่อมีปัญหา จะได้มีคนช่วยได้
3. ต้องเตรียมอะไรบ้าง
- เต๊นท์ที่พัก (เอาเต๊นท์ไปเอง เสียค่าพื้นที่กางเต๊นท์แค่วันละ 60) สภาพดี ไม่มีรูรั่ว (กันน้ำค้าง กันทาก)
- เสื้อกันหนาว (สำคัญมาก)
- รองเท้าแตะ (ใส่สบาย) กับรองเท้าผ้าใบ (กันทากเกาะเท้า)
- กางเกงขาสั้น (ใส่เดินขึ้นเขา เพื่อความคล่องตัว)
- กางเกงขายาว (ใส่นอนขาจะได้ไม่เย็น และกันทากเกาะเท้าด้วย)
- ถุงเท้าลูกเสือ (กันทากเกาะขา)
- หมวกไอ้โม่ง (ใส่ตอนนอนกันทากเข้าหู)
ไม่ต้องเอาผ้าห่มไป ไปเช่าถุงนอนวันละ 30 บาท อุ่นกว่า
เวลาเรานอนในถุงนอน ส่วนหัวจะอยู่นอกถุง
ถุงนอนจะทำหน้าที่เป็นทั้งพื้นรองนอน และเป็นผ้าห่ม รวมถึงกันทากเกาะขาด้วย
(เอาผ้าห่มบางๆไป 1 ผืนก็ได้ สำหรับคลุมหัว ส่วนที่ถุงนอนไม่คลุม)
- แปรงสีฟัน, ยาสีฟัน, สบู่, ยาสระผม, ผ้าเช็ดตัว (ใช้หนุนแทนหมอนได้ด้วย)
- ไฟฉาย, ที่ชารตแบทมือถือ (มีบริการชารตแบท 2 ชม 20 บาท)
- หูฟัง (เอาไว้อุดหูตอนนอน ป้องกันทากเข้าหู)
- น้ำเปล่า 2-3 ขวด (เอาไปด้วย ช่วยประหยัดได้)
- แป้งทาตัว (เอาไว้โรยรอบเต๊นท์) เอาไว้ทาตามเท้า ตามมือ (กันทาก)
- พลาสเตอร์ปิดแผล, ยาคลายกล้ามเนื้อ, ยาดม, ยาแก้ไข้
- เข็ม ด้าย (เผื่อกางเกงเป้าขาด เป้สะพายขาดจากน้ำหนักเกิน)
4. อยู่บนภูกระดึงแล้ว ควรไปเที่ยวไหน
- ควรเดินไปน้ำตกวังกวาง เส้นทางนั้น วิวสวย เดินไม่ไกล มี 5 น้ำตก ติดต่อกัน เริ่มเดิน 9 โมง เที่ยงก็กลับถึงที่พักแล้ว (เป็นเส้นทางใกล้ป่าปิด ควรไปเป็นกลุ่ม และระวังช้างด้วย)
- ชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น รวมตัวกันที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเวลาตี 5 จะมีเจ้าหน้าที่นำทางไป
- เดินจากที่พักไปสระอโนดาด, ผานาน้อย, ผาจำศีล, ผาหมากดูดแล้วกลับที่พัก
ผมเคยเดินจากที่พักไปผาหล่มสัก แล้วเดินเลาะหน้าผากลับที่พัก ปรากฏว่าขาลาก เพราะเดิน 20 ก.ม.
หากจะไปชมพระอาทิตย์ตกที่ผาหล่มสัก เตรียมตัวให้พร้อม
ทางที่ดีเช่าจักรยานถึบไปจะดีกว่า น่าจะสบายกว่า
5. ค่าใช้จ่าย
นอกจากค่ากางเต๊นท์ ค่าผ่านประตูที่ราคาถูกแล้ว ส่วนที่แพงจะเป็นค่าอาหาร และสินค้าทุกอย่างที่ขายบนนั้น เพราะต้องจ้างลูกหาบแบกขึ้นไป
ข้าวผัดกระเพรา 60
ข้าวราดแกงกับข้าว 2 อย่าง 70
กาแฟ 40
โค้กเล็ก 40
น้ำเปล่าเล็ก 30
น้ำเต้าหู้ 25
กาแฟร้อน 25
โดยส่วนตัว ผมมองว่าไม่แพง เท่าที่ซื้อกินหลายร้าน บริการดีทุกร้าน กับข้าวก็ตักเต็มจาน
ดูจากต้นทุนที่ต้องจ้างลูกหาบแล้ว ถือว่าราคาไม่แพงเลย
คิดง่ายๆ ข้าว + น้ำ มื้อละ 100 พอดี วันละ 3 มื้อก็ 300 บาท
แต่ผมมีวิธีประหยัดคือ
- ตอนเช้ากินน้ำเต้าหู้ 25 บาท
- เที่ยงกินกาแฟเย็น 40 บาท
- 4 โมงเย็น กินข้าวราดแกง + เป๊ปซี่เล็ก 100 บาท
- 2 ทุ่ม กินน้ำเต้าหู้แก้หนาว 25 บาท
(แต่ในความเป็นจริง บางวันผมก็กินข้าวทั้งมื้อเช้า มื้อเที่ยง แล้วแต่อารมณ์)
พยายามเตรียมเงินไปเผื่อๆไว้ จะได้มีเงินซื้อข้าวและมีแรงเที่ยว
พวกขนม กับมาม่าที่เตรียมไปผมไม่ได้กินเลย กินข้าวที่ร้านข้าวแกงอร่อยกว่า :)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น