วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

รีวิว I-Mobile IQ 6.9 DTV

ซื้อรุ่นนี้ เพราะมันลดราคาอยู่ที่โลตัสนะครับ

เหตุผลที่ซื้อหลักๆเลย คือ
1. เอาไว้ดู DTV
2. กล้อง 13 ล้าน
3. CPU 4 Core + Ram 1 GB

กล้อง

ตอนลองถ่ายรูปแรกๆ รู้สึกผิดหวังครับ สีมันเพี้ยน รายละเอียดก็ไม่ได้ อมแดงบ้าง อมฟ้าบ้าง

หลังจากลองถ่ายมา 300 กว่ารูป พบว่า หากจะถ่ายรูปด้วยกล้องตัวนี้ ต้องตั้งค่าตามนี้ครับ

1. เข้า App กล้อง
2. กด ตั้งค่า เลือก คืนค่าเริ่มต้น
3. ขนาดภาพ : 12M

จากนั้นก็ถ่ายรูปได้เลย

วิธีถ่ายรูปให้สีไม่เพี้ยน

1. การถ่ายรูปทั่วไป ใช้โหมดออโต้
2. ถ้าฟ้าสลัวๆ อึมครึม จนรูปดูมืด ให้ใช้โหมด ชายทะเล จะช่วยเร่งให้รูปสว่างขึ้น สีสดขึ้น
(แต่ถ้าแดดจ้าอยู่แล้ว อย่าใช้โหมดชายทะเล รูปจะสว่างเกินไป)
3. ถ้าต้องการเน้นความคมชัด ให้ใช้โหมด ทิวทัศน์

เวลาถ่ายจริง ให้ลองเลือกโหมด ออโต้ ชายทะเล ทิวทัศน์
ดูว่าโหมดไหน สีสวยที่สุด แล้วค่อยถ่าย

4. ระวังแสงเข้าหน้ากล้อง (เช่นแสงสะท้อนจากกระจกหน้ารถ)
5. ถ่ายด้วยสัดส่วน 4:3 ภาพจะชัดกว่า16:9
6. เวลาถ่าย ถ้ามือไม่นิ่งภาพก็พอใช้ แต่ถ้ามือนิ่ง ภาพจะคมชัดกว่า



ตามเสปคถ่ายวีดีโอ 1080p ได้ แต่จากการลองถ่าย ภาพออกมาเป็นเส้นๆ
แต่ถ้าถ่ายที่ 720p ภาพคม สวยกว่า

DTV
ในเมือง รับได้ทุกช่อง
นอกเมือง ในที่โล่ง รับได้
นอกเมือง ในบ้าน รับไม่ได้
โหลด App DTV ใน Play Store จะสามารถอัดทีวีได้

GPS
ไวดี ใช้นำทางได้

ลำโพง
เสียงดัง ชัดดี

ฟังเพลง
ปานกลาง

จุดอ่อน
พื้นที่ในตัวเครื่อง สำหรับโหลด App มี 1.4 GB
แม้จะย้ายบาง App ไป SD Card ได้
แต่ทุก App ต้องใช้ไม่เกิน 1.4 GB ไม่งั้นจะโหลดเพิ่มไม่ได้

จุดเด่น
1. รับ DTV และอัดได้ (ถ้ามีสัญญาณ)
2. กล้องถ่ายชัด 13 ล้าน
3. ถ่ายคลิป 720p คมชัด (ถ่ายภาพระหว่างถ่ายคลิปได้)
4. แบตอึด
5. GPS ไว
6. จอสวย เปิดนานๆ เครื่องไม่ร้อน (ยกเว้นเล่นเกมที่ใช้ cpu เยอะๆ)


ภาพจากงานสวนดอกไม้ขอนแก่น (ถ่ายโดยใช้โหมดทิวทัศน์)










วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

กลยุทธแทนที่สินค้าญี่ปุ่น !

เครื่องเล่น DVD

เมื่อปี 2000 เครื่องเล่น VCD ยังเครื่องละ 3000 ส่วน DVD ก็แพงกว่านั้น
ตั้งแต่ปี 2002 เครื่องเล่น DVD ราคาต่ำกว่า 1000 บาท

คื่อจะมี 2 เกรด พวกเครื่อง DVD แบรนดัง เช่น sony, pana, jvc, samsung จะราคา 3000 ขึ้นไป
ส่วนเครื่อง DVD แบรนจีน จะราคาต่ำมาก ราคา 700 ก็ยังมี

ผลคือ ผมก็ซื้อเหมือนกัน จะจ่าย 3000 ทำไม จ่าย 700 ภาพก็สวยเหมือนกัน

ปีนี้ปี 2016 สิ่งที่ผมเห็นเวลาเดินห้างคือ ผมไม่เห็นเครื่องเล่น DVD แบรนดังวางขายแล้ว
คงเหลือแต่แบรนจีน

ผมเดาๆเอาว่า ส่วนแบ่งยอดขายเครื่อง DVD แบรนจีนน่าจะได้ 95% แล้วละ
ส่วนแบรนดังน่าจะเหลือแค 5% (เดา) เพราะแบรนดัง ไม่มีชั้นวางในห้างค้าปลีก

โอเค เรื่องเครื่องเล่น DVD แบรนจีนเอาชนะแบรนญี่ปุ่นไปแล้ว ยังเหลืออะไรอีก

เครื่องเสียง

ใครจะล้มแชมปอย่าง sony, aiwa, pana ได้ละ

ผมว่าตั้งแต่ปี 2000 ผมเห็นลำโพง 2.1 วางขายตามห้าง ราคาก็ไม่ถึง 1000
ในขณะที่เครื่องเสียงแบรนดังราคา 10000 ขึ้น

นานๆไป พวกเครื่องเสียงแบรนดังหายไปจากห้างค้าปลีก เหลือแต่ลำโพง 2.1 วางขาย

วันนี้ ผมไปเดินห้าง เจอเครื่องเสียง ราคา 15000
แต่ไม่ใช่ sony, aiwa, pana นะ แต่เป็นแบรนเดียวที่เคยขาย 1000 นะแหล่ะ

โอเค เครื่องเสียง แบรนญี่ปุ่น ก็โดนแบรนจีน ยึดชั้นวางไปอีกแล้ว

ทีวี

อันนี้เจ็บปวด ในห้างที่ผมเดิน ชั้นวาง 50% ขายแบรนเกาหลี (2 ยี่ห้อ)
อีก 20% ขายแบรนญี่ปุ่น (2 ยี่ห้อ)
อีก 30% ขายแบรนจีน (3 ยี่ห้อ)

พูดตรงๆคือ ห้างที่ผมเดิน ผมไม่เห็น sony กับ pana วางขาย

นั่นละครับ ทีวีญี่ปุ่น ก็กำลังจะเสร็จแบรนจีน เหมือนกัน

ผมเห็นข่าว sony, pana, toshiba, sharp ขาดทุนเมื่อ 2-3 ปีก่อน
ผมรู้แล้วละ ยอดขายตกเพราะอะไร

แม้ว่าสินค้าจะคุณภาพดี แต่ถ้าไม่ได้วางขาย ยอดขายก็จะไม่เกิด


หาก sony, pana, toshiba, sharp ผ่านมาอ่านบทความนี้

ผมขอแนะนำให้ใช้กลยุทธแบบ ร้านหนังสือ SE-ED
เมื่อสำนักพิมพ์ส่งหนังสือไปขายตามร้านทั่วไปไม่ได้
เลยตั้งร้านหนังสือ แล้วขายสินค้าของตัวเองซะเลย
ทุกวันนี้ SE-ED ประสบความสำเร็จทั้งในฐานะร้านหนังสือและสำนักพิมพ์

ผมแนะนำให้ แบรนญี่ปุ่น จับมือกัน ตั้งร้านที่ขายแต่แบรนญี่ปุ่น
ในจังหวัดใหญ่ๆ เช่น กทม ขอนแก่น เชียงใหม่ ให้ได้สัก 100 สาขา
แล้วมีบริการสั่งซื้อ Online

ถ้าคุณไม่ทำอะไรเลย ปล่อยให้สถานการณ์เป็นแบบนี้
สักวันแบรนจีนจะยึดชั้นวางของคุณไปหมด ไม่เหลือแม้แต่ TV


สรุปแล้ว กลยุทธที่เขาใช้แทนที่สินค้าญี่ปุ่นคืออะไร

ขั้นที่ 1 ขายตัดราคา
แบรนดังจะยอดขายตก เพราะโดนตัดราคา นานๆเข้า ทางห้างก็เลยไม่สั่งมาขาย ยอดขายยิ่งดิ่งเหว

ขั้นที่ 2 แย่งชั้นวาง
หลังจากเขี่ยแบรนดัง ไปวางปลายๆแถวของชั้นวาง ก็เอาแบรนตัวเองและเพื่อนๆมาวางแทน
ทำให้แบรนดังดูเหมือนเป็นของห่วยๆ เพราะวางอยู่ปลายแถว

ขั้นที่ 3 ขึ้นราคา
เมื่อแบรนดัง หายไปจากชั้นวางแล้ว แบรนตัวเองที่เคยขายถูกๆ ก็ส่งรุ่นใหม่มาวางขาย
ตั้งแต่ราคาถูก ถึงราคาแพง เพื่อให้ได้กำไรมากขึ้น

กลยุทธก็มีเท่านี้ละ หวังว่าแบรนดัง จะรู้ตัว และปรับตัวได้แล้วนะครับ
กลยุทธนี้ดำเนินมา 15 ปีแล้ว น่าจะลุกขึ้นสู้กันได้แล้วครับ