วันอังคารที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2554

ถ้าเราคิดว่าขายได้ เราก็ขายได้

วันก่อนเดินห้างเล็กๆ ห้างนี้มี 4 ชั้น
รู้สึกหิวน้ำ เลยเดินๆดูว่ามีร้านไหนน่าสนใจมั่ง
เจออยู่ร้านนึงที่ชั้น 1 เป็นร้านน้ำผลไม้ปั่น แก้วละ 15 บาท คนยืนต่อคิวกัน 4-5 คนเลย

เนื่องจากเป็นคนไม่ชอบรอ ก็เลยเดินต่อ
จนไปถึงชั้น 3 ก็เจอร้านน้ำผลไม้ปั่นอีกร้านนึง แต่ร้านนี้คนเงียบมาก ไม่มีใครซื้อเลย
มองเข้าไป ก็มองไม่เห็นคนขายอยู่ในร้าน

ลองเดินเข้าไปใกล้ๆ เจอสาวน้อย 1 คน นั่งอยู่ ก็สั่งไป ขอสับปะรดปั่นแก้วนึง น้องก็ตอบว่า ไม่มีค่ะ
ก็เลยมองป้าย ดูอีกทีว่ามีอะไรให้สั่งมั่ง แล้วก็เลยสั่งอีกที ขอน้ำส้มปั่นแก้วนึง คำตอบยังเหมือนเดิม ไม่มีค่ะ

อืม ... คิดในใจ ตูจะสั่งอะไรดีน๊า มันถึงจะมีขายในร้านนี้
ถ้าสุ่มเลือกไปอีก แล้วเขาตอบว่าไม่มี ก็จะรู้สึกเซ็งอีก
เอ ... หรือว่าน้องคนขาย ไม่ชอบขี้หน้าเรา สั่งอะไรไป ก็จ้องจะตอบ No
งั้น ... เราเดินหนีดีกว่า ถ้าโดนตอบ No อีกเป็นครั้งที่ 3 เราคงทำใจไม่ได้

...

ร้านทั้ง 2 ร้าน ขายสินค้าชนิดเดียวกัน ราคาเท่ากัน
ร้านแรกคนแน่น ต่อคิวซื้อ แต่ร้านหลัง คนไม่ซื้อ

จริงๆ ร้านที่ 2 ไม่ได้ด้อยไปกว่าร้านแรก ถ้าเขาเตรียมผลไม้ให้ครบทุกชนิดตามป้าย
ผมก็คงจะได้อุดหนุน และเมื่อผมยืนตรงนั้น คนอื่นที่สนใจก็คงจะกล้าเข้ามาซื้อ
ถ้ามีลูกค้าเข้ามาซื้อต่อเนื่อง ร้านนั้นก็จะขายดี

การที่เรายึดติดกับเมื่อวานว่า คนไม่ค่อยซื้อ
แล้วเราไม่เตรียมผลไม้ให้พร้อมที่จะขาย
มันก็เลยเป็นลูกโซ่ต่อๆไป ทำให้เงียบแล้วเงียบอีก

ส่วนตัว ผมคิดว่า ถ้าเขาทำตัวกระฉับกระเฉงสักนิด มีของครบ ราคาถูกกว่าร้านแรกนิดหน่อย
มีเมนูให้เลือกเยอะกว่า เขาน่าจะเอาชนะร้านแรกได้ ... ถ้าเขาลุกขึ้นสู้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น