วันพุธที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2554

Scream 4 ก็คุ้มค่าตั๋วเหมือนกัน

มาเที่ยว กทม เดือนนึง ได้เวลากลับขอนแก่น ก่อนกลับเลยขอดูหนังในโรงสักวัน
ได้รอบ 3 ทุ่ม 20 ที่เดอะมอลท่าพระ นับเพื่อนร่วมโรงได้ประมาณ 10 คน เป็นหนังเรื่อง scream 4 พากย์อังกฤษ

ดูจบก็รู้สึก คุ้มค่าตั๋ว การเดาตัวคนร้าย ก็เดายากเหมือนเดิม

พล็อตจะออกไปทางภาค 2, 3 คือ หาเหตุผลให้ฆาตรกรออกมาอาละวาด
แรงจูงใจในการก่อเหตุ ก็ยังเป็นแรงจูงใจเดิมๆ (ซึ่งฟังไม่ขึ้นเท่าไหร่)

มีฉากติดตลกอยู่ในนั้นด้วย ตำรวจ 2 คน เฝ้าบ้านคอยระวังเหตุการณ์ร้าย
ตำรวจก็คุยกันว่า ปรกติตำรวจทั้ง 2 นาย มักจะตายซะก่อน ยกเว้น ตำรวจคนนั้นจะชื่อ บลูซ วิลลิส (5555)

เรื่องนี้มีดาราร่วมแจมเยอะพอสมควร ทั้ง Anna Paquin, Kristen Bell, Emma Roberts, Marley Shelton, Anthony Anderson

David Arquette เล่นเป็นตัวประกอบเหมือนเดิม ตามคนร้ายไม่เคยทันเลย นายคนนี้

ก่อนดูนึกว่า Neve Campbell จะเป็นแค่ตัวประกอบ แต่ปรากฏว่ายังคงเป็นตัวเดินเรื่องหลักเหมือนเดิม

แอบสะดุ้งทุกครั้งที่เจอฉากตกใจ (สะดุ้งไป 6-7 ครั้งได้)

เนื้อเรื่อง ok คุ้มค่าตั๋ว ใครยังไม่ดู ก็ไปดูซะนะครับ ก่อนหนังจะออกจากโรง
ดูในโรงได้บรรยากาศการดูหนังจริงๆ สนุกและตื่นเต้นกว่าดูอยู่บ้านเยอะ

วันอังคารที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2554

ถ้าเราคิดว่าขายได้ เราก็ขายได้

วันก่อนเดินห้างเล็กๆ ห้างนี้มี 4 ชั้น
รู้สึกหิวน้ำ เลยเดินๆดูว่ามีร้านไหนน่าสนใจมั่ง
เจออยู่ร้านนึงที่ชั้น 1 เป็นร้านน้ำผลไม้ปั่น แก้วละ 15 บาท คนยืนต่อคิวกัน 4-5 คนเลย

เนื่องจากเป็นคนไม่ชอบรอ ก็เลยเดินต่อ
จนไปถึงชั้น 3 ก็เจอร้านน้ำผลไม้ปั่นอีกร้านนึง แต่ร้านนี้คนเงียบมาก ไม่มีใครซื้อเลย
มองเข้าไป ก็มองไม่เห็นคนขายอยู่ในร้าน

ลองเดินเข้าไปใกล้ๆ เจอสาวน้อย 1 คน นั่งอยู่ ก็สั่งไป ขอสับปะรดปั่นแก้วนึง น้องก็ตอบว่า ไม่มีค่ะ
ก็เลยมองป้าย ดูอีกทีว่ามีอะไรให้สั่งมั่ง แล้วก็เลยสั่งอีกที ขอน้ำส้มปั่นแก้วนึง คำตอบยังเหมือนเดิม ไม่มีค่ะ

อืม ... คิดในใจ ตูจะสั่งอะไรดีน๊า มันถึงจะมีขายในร้านนี้
ถ้าสุ่มเลือกไปอีก แล้วเขาตอบว่าไม่มี ก็จะรู้สึกเซ็งอีก
เอ ... หรือว่าน้องคนขาย ไม่ชอบขี้หน้าเรา สั่งอะไรไป ก็จ้องจะตอบ No
งั้น ... เราเดินหนีดีกว่า ถ้าโดนตอบ No อีกเป็นครั้งที่ 3 เราคงทำใจไม่ได้

...

ร้านทั้ง 2 ร้าน ขายสินค้าชนิดเดียวกัน ราคาเท่ากัน
ร้านแรกคนแน่น ต่อคิวซื้อ แต่ร้านหลัง คนไม่ซื้อ

จริงๆ ร้านที่ 2 ไม่ได้ด้อยไปกว่าร้านแรก ถ้าเขาเตรียมผลไม้ให้ครบทุกชนิดตามป้าย
ผมก็คงจะได้อุดหนุน และเมื่อผมยืนตรงนั้น คนอื่นที่สนใจก็คงจะกล้าเข้ามาซื้อ
ถ้ามีลูกค้าเข้ามาซื้อต่อเนื่อง ร้านนั้นก็จะขายดี

การที่เรายึดติดกับเมื่อวานว่า คนไม่ค่อยซื้อ
แล้วเราไม่เตรียมผลไม้ให้พร้อมที่จะขาย
มันก็เลยเป็นลูกโซ่ต่อๆไป ทำให้เงียบแล้วเงียบอีก

ส่วนตัว ผมคิดว่า ถ้าเขาทำตัวกระฉับกระเฉงสักนิด มีของครบ ราคาถูกกว่าร้านแรกนิดหน่อย
มีเมนูให้เลือกเยอะกว่า เขาน่าจะเอาชนะร้านแรกได้ ... ถ้าเขาลุกขึ้นสู้

วันศุกร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2554

วิธีทำข้าวผัดกระเพราอย่างถูกวิธี

หลายครั้งที่สั่งข้าวผัดกระเพราตามศูนย์อาหาร แล้วรสชาดไม่ได้ความ
นี่คือคำแนะนำนะครับ เผื่อพ่อครั่วมือใหม่จะลองทำตามบ้าง เพื่อปรับปรุงรสชาด
(ออกตัวไว้เลยว่าผมก็ปรุงอาหารไม่เก่งเหมือนกัน แต่สำหรับเมนูโปรด ข้าวผัดกระเพรา ผมพอทำได้)

1. ใส่น้ำมันพืช คนให้ทั่วกะทะ (ใช้ไฟแรง)
2. ใส่หมู แล้วคนด้วยจะได้ไม่ติดกะทะ พอหมูใกล้สุก ใส่กระเทียมกับพริกลงไป
3. พอหมูสุกแล้ว ใส่ข้าวลงไป (ควรเป็นข้าวแข็ง ไม่ใช่ข้าวหอมมะลิ เพราะข้าวจะติดกะทะ)
อย่าเพิ่งคน ทิ้งไว้อย่างนั้นแหล่ะ ถ้าคนแล้วข้าวจะติดกะทะ

ขั้นตอนที่ 4 - 7 ใช้เวลา 15 วินาที
4. ใส่น้ำมันหอย 1 ช้อน
5. ใส่น้ำตาล 1 ช้อน
6. ใส่ซอส 2 หยด ใส่น้ำปลา 3 หยด
7. ใส่ใบกระเพรา

8. พอใส่เครื่องปรุงครบแล้ว ก็คนให้เข้ากัน สัก 30 วินาที แล้วรีบยกลง ตักใส่จาน

ลองชิมดู คุณจะพบว่าอร่อย ข้าวไม่ติดกะทะ

หลักสำคัญของสูตรนี้คือ
1. ไฟแรง ช่วยให้ข้าวไม่ติดกะทะ ช่วยให้เครื่องปรุงสุก ถ้าใช้ไฟอ่อน เครื่องปรุงไม่สุก รสชาดไม่ออกเลย
2. น้ำตาลช่วยให้รสชาดกลมกล่อม
3. น้ำปลากับน้ำมันหอย ช่วยให้เผ็ดๆเค็มๆ อร่อย
4. การรีบใส่เครื่องปรุง รีบคน รีบยกลง ช่วยให้เครื่องปรุงยังอยู่ในกะทะ
ถ้าเราคนนานเกินไป เครื่องปรุงจะระเหย รสชาดจะไม่อร่อย
5. ไม่ใส่น้ำ เพราะถ้าเติมน้ำลงไป จะทำให้ข้าวติดกะทะ

เช้าเซ็ง เย็นเปียก วันสงกรานต์

ตื่นมาวันนี้ตอนเที่ยงๆ แล้วก็คิดว่าจะอยู่บ้าน หรือจะออกไปข้างนอก
ถ้าไปข้างนอกก็เปียกแน่ เพราะเป็นวันสงกรานต์
แต่ถ้าอยู่บ้าน ร้านกับข้าวแถวบ้านปิดหมดทุกร้าน จะไม่มีกินเอา เพราะงั้นไปหาข้าวกินข้างนอกดีกว่า

วันนี้อยากกินข้าวผัดกระเพรามากๆ นั่งรถเมล์จากดาวคะนองไปลง ฟิวเจอร์ปาร์คบางแค
แล้วก็รู้สึกแปลกใจ ว่าทำไมป้ายนี้มีเราลงรถเมล์อยู่คนเดียว
พอลงไปถึงก็ปรากฏว่ามีรั้วกั้นห้ามเข้าไปในห้าง และป้ายใหญ่ๆว่า "ปิดปรับปรุง"



(1) ... ok ห้างปิด เราเข้าไม่ได้ก็ต้องไปต่อ ป้ายต่อไปก็คงเป็นเดอะมอลล์บางแค
ก็รอรถเมล์นานเหมือนกัน (รถเมล์ฟรี) แต่สุดท้ายก็ได้ขึ้น และไปลงที่เดอะมอลล์บางแค

จากนั้นก็เริ่มเดินหาข้าวผัดกระเพรา ปรากฏว่าเจออยู่ร้านเดียว
ก็ลองเข้าไปยืนรอสั่งอาหาร ระหว่างรอ มองไปที่โต๊ะในร้าน คนนั่งเต็มทุกโต๊ะ
ที่ยืนข้างๆก็มี 3 คน ถือกระดาษคนละใบ แต่ละใบก็มี 2-3 รายการ
ส่วนพ่อครั่วนั้นมีอยู่คนเดียว

(2) ... เมื่อคิดว่า โอ้โห ฉันจะต้องรออีกนานแค่ไหนเนี่ย ก็เลยเปลี่ยนใจ เดินออกมา
ไปหากินเอาร้านหน้าดีกว่า

เข้ามาในเดอะมอลบางแค เล็งร้าน KFC ไว้ สภาพเดียวกัน แถวยาว เต็ม 3 แถวเลย

(3) ... เอาวะ แถวยาว อดไว้ก่อนก็ได้ ไปเดินเล่นในห้างดีกว่า
เดินเสร็จออกจากห้าง ก็เดินกลับมาที่โลตัสสาขาบางแค

ตอนนี้กำลังชั่งใจละ ว่าจะเลือก KFC ข้าวยำไก่แซ็บ 65 บาท พร้อมแป๊บซี่
หรือจะเลือก ข้าวผัดกระเพรา 30 บาท ในศูนย์อาหารของโลตัส

รู้ทั้งรู้ว่าการกินข้าวผัดกระเพราตามศูนย์อาหาร รสชาดมักจะแย่เสมอ
แต่ด้วยความงก จึงวัดดวง สั่งไป 1 จาน

(4) ... กินเสร็จก็โอ้โหย มันไม่อร่อยอะ ต้องหาอะไรล้างปากหน่อยแล้ว
เอาว่ะ สั่ง KFC ล้างปากก็ได้ จากนั้นก็ตรงไปที่ร้าน KFC

หลังจากที่มองคนทางซ้ายสั่งอาหารอยู่ 5 นาที มองคนทางขวาสั่งอาหารอยู่ 5 นาที
พอเขาสั่งเสร็จ แทนที่เด็กในร้านจะถามเราว่า เราจะสั่งอะไร
เด็กกับบอกว่า แถวนั่นเครื่องเจ๊งค่ะ
แล้วเด็กก็หันไปถามคนใหม่ ที่เพิ่งมาทีหลังเราว่า จะสั่งอะไรดีค่ะ

(5) ... ง่ะ เราก็หงุดหงิดสิ ฉันยืนอยู่ตรงนี้ตั้งเป็นชาติ แกไม่ถามฉันว่าจะเอาอะไร
เห้อ ในเมื่อไม่สนใจฉัน ฉันก็ไปละ ไปหากินเอาร้านหน้าก็ได้

ผ่านบ่าย 3 ไปแล้ว ยังหงุดหงิดกับมื้อเช้าไม่หาย
นั่งรถเมล์มาลงเดอะมอลท่าพระ ตรงไปร้าน KFC
ช่องว่างอยู่พอดีก็เลยสั่งไป ข้าวยำไก่แซ้บ 1 จาน

(6) ... เฮ้อ กว่าจะได้กินของอร่อย ลำบากจริงๆฉัน
แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอร่อยอะไรหรอก เพราะว่าเพิ่งอิ่มจากข้าวผัดกระเพราจานแรก
กินประชดชีวิตไปแค่นั้น

ขากลับก็นั่งรถสองแถวกลับบ้าน โดนสาดน้ำตลอดทาง
อืม ก็สงกรานต์นี่นะ จะไม่โดนสาดได้ไง
จะว่าไปก็สนุกดี คอยนั่งหลบ ไม่ให้โดนสาด แต่ก็เปียกหมดทั้งตัว

ก็สดชื่นดีเหมือนกัน หลังจากหน้าบูดมาทั้งวัน โดนน้ำสาดแล้วสดชื่นเลย

กลับถึงบ้าน หลังจากเช็ดมือถือ เช็ดบัตรประชาชนให้แห้ง
แล้วก็หยิบใส้กรอก 2 ไม้ ที่ซื้อจากเดอะมอลท่าพระออกมา
กางเกงก็ยังเปียก เสื้อก็ยังเปียก แต่อยากลองดูว่าอร่อยไหม

ว้าว ... นี่เป็นอาหารที่อร่อยที่สุดของวันนี้เลย
คราวหน้าจะหาอะไรกิน ไปแค่เดอะมอล์ท่าพระก็พอแล้ว

วันเสาร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2554

เที่ยวน้ำตกเอราวัณ




การเดินทาง
1. รถไฟฟรี สถานีธนบุรี ออก 7.45 ถึง 10.30
2. รถสองแถวไปบขส 10 บาท
3. รถบัสไปน้ำตกเอราวัณ 50 บาท รถออก 10.50 ถึง 12.30
4. ค่าผ่านประตู 40 บาท เดินจากชั้น 1 ไปชั้น 7 แล้วกลับลงมา กินเวลา 2 ช.ม.
5. รถบัสเที่ยวสุดท้ายออก 16.00 ค่ารถ 50 บาท
6. นั่งรถทัวว์จากบขส กลับ กรุงเทพ 95 บาท ถึงกรุงเทพ 3 ทุ่ม

รวม 250 บาท เฉพาะค่ารถ

วันเสาร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2554

สถิติโลก ดาวคะนองไปรังสิต ค่ารถ 11 บาท

1. นั่งสาย 111 ไปลงท่าเรือคลองสาน (ค่ารถ 8 บาท)
2. นั่งเรือข้ามฟาก (3 บาท)
3. เดินจากสี่พระยาไปหัวลำโพง (0 บาท)
4. ไปที่ช่องขายตั๋วบอก "ขอตั๋วรถไฟฟรีไปรังสิต" (0 บาท)
5. ขึ้นไปนั่งรถไฟแล้วรอรถออก รถไฟใช้เวลาวิ่ง 1 ชม ถึงรังสิต (0 บาท)

สูตรส่วนตัวอ่านไพ่ยิปซี

เนื่องจากเป็นคนไม่ค่อยจะสมหวังในความรัก วันๆจึงไม่ค่อยได้ทำอะไรนอกจากดูดวง ... 5555

หลังจากที่เช็คมาหลายๆเจ้า มีอยู่เจ้านึงเป็นยิปซีรายสัปดาห์ซึ่งทำนายได้แม่นที่สุด

แต่การวิเคราะห์คำทำนายนั้น บางทีเราอ่านไพ่ แล้ววิเคราะห์เองในแบบของเราก็ได้

นี่เป็นสูตรส่วนตัวเวลาอ่านไพ่


1. ไพ่ queen cup ราชินีมองถ้วย
    ถ้าเราเป็นผู้ชาย หมายถึง มีผู้หญิงกำลังคิดถึงเราอยู่
    ถ้าเราเป็นผู้หญิง หมายถึง ตัวเราเองคิดถึงคนอื่นอยู่
    สำหรับไพ่ king cup ก็ตีความแบบเดียวกัน

2. ถ้าได้ไพ่ queen cup ในส่วนของ การงาน ก็หมายความว่า เราไม่ค่อยมีกะจิตกะใจทำงาน เอาแต่คิดถึงสาว

 

 

 


3. ไพ่ page of wand, nine cup
page of wand คือ มหาดเล็กถือไม้เท้าอันนึงแล้วก็จินตนาการ
nine cup คือ นั่งเฝ้าถ้วยอยู่ 9 ใบ แล้วก็จินตนาการเหมือนกัน

4. hurmit, hang man โดดเดี่ยวผู้น่ารัก

 

 

 

 

 


 

 

 

 

 

 

 

 

5. ไพ่ อัศวิน จะมี 3 รูป คือ
อัศวินถือถ้วย จะหันหน้าไปทางขวามือ
อัศวินถือคทา จะหันหน้าไปทางซ้ายมือ
อัศวินถือดาบ จะหันหน้าไปทางซ้ายมือ

ถ้าหันหน้าไปทางขวา หมายถึง สิ่งนั้นจะเข้ามาหาเรา
อัศวินถือถ้วยเลยแปลว่า จะมีคนถือถ้วยเข้ามาหาเรา

ถ้าหันหน้าไปทางซ้าย หมายถึง เราวิ่งหนีออกไปทางซ้าย
อัศวินขี่ม้าถือดาบ และอัศวินขี่ม้าถือคทา เลยหมายถึง เราวิ่งหนีออกไปทางซ้าย

6. 5 ถ้วย 8 ถ้วย 5 เหรียญ = แห้ว ผิดหวัง

7. 10 เหรียญ เจอคนรวย หรือรวยซะเอง

8. 10 ถ้วย วันรวมญาติ สุขสันต์กับพ่อแม่พี่น้อง

9. 2 ถ้วย, lover พบรัก

10. death, 10 swords, 4 swords = โชคร้าย

11. 10 ไม้เท้า, 8 ไม่เท้า = งานเยอะมาก 

12. tower = ทะเลาะกัน หรือโชคร้าย

ส่วนไพ่อื่นๆ ยังตีความไม่เป็น บางทีก็งงๆ ว่าไพ่ใบนี้ จะอ่านความหมายว่ายังไง
ต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์ต่อไปอีก ตอนนี้ยังเข้าใจไม่หมด