1. พกทั้งมือถือ และ กล้องถ่ายรูป
ถ้าพกแต่มือถือไปอันเดียว แล้วใช้ทั้งถ่ายรูปและเล่นเน็ตแบตจะหมดเร็ว
เพราะงั้น พกแยกกันไปทั้ง 2 อันดีกว่า
2. เตรียม Powerbank ไปด้วย
ซื้อรุ่นไหนก็ได้ ซื้อมาแล้วก็ลองใช้ดูว่า ชาร์ตมือถือจนแบตเต็มได้กี่รอบ
(เอารุ่นที่มีไฟฉายด้วยก็ดี)
3. ซื้อมือถือใหม่
- Android 4.4 จะประหยัดไฟกว่ารุ่น 4.2
- จอยิ่งเล็ก ยิ่งประหยัดไฟ เช่น จอ 2.8 นิ้ว, 3.5 นิ้ว
- CPU 1 คอร์ จะประหยัดไฟกว่าหลายคอร์
พูดง่ายๆ ซื้อมือถือแอนดรอย รุ่นถูกที่สุดนั่นแหล่ะ เพราะจอจะเล็ก CPU คอร์เดียว ประหยัดไฟที่สุด
4. ถ้ามีทีชาร์ตแบตพลังแสงอาทิตย์
ที่ชาร์ตแบตแสงอาทิตย์ของผมจ่ายไฟแค่ 300 mah
ถ้าคิดจะชาร์ทมือถือจอ 4 นิ้ว มันจะชาร์ทไม่เข้า เพราะมือถือต้องการไฟ 1000 mah
แต่พอลองกับเครื่องเก่าจอ 3.5 นิ้ว cpu 1 คอร์ ชาร์ทจนแบตเต็มได้
5. ลบ App ที่ไม่จำเป็นออก
ลบเกม
ลบ Line
ลบ Facebook Massenger ออก
ลบ App ที่ต้องส่งข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ต
ลบ App ที่ชอบอ่านพิกัด GPS
เหลือไว้แต่ facebook ก็พอ เอาไว้อัพ status
6. ลง App ชื่อ DS Battery
ปรกติเราปิดหน้าจอ CPU ควรหยุดทำงาน และเครื่องควรเข้าสู่โหมดหลับลึก
แต่ถ้าเราลง App ไว้หลายตัว เช่น ตั้งเช็คอีเมล์ไว้ทุก 15 นาที
มือถือของเราจะตื่ีนขึ้นมาเช็คเมล์ทุก 15 นาที ทำให้แบตหมดเร็ว
App DS Battery มี Option ให้เราสั่ง Deep Sleep ทุกครั้งที่ปิดหน้าจอ
อย่างมือถือของผม ปรกติชาร์ทแบต วันต่อวัน
แต่พอใช้ DS Battery ชาร์ทหนเดียว ใช้ได้ 2-3 วัน
7. ปิด GPS, 3G เปิดใช้เมื่อต้องการเท่านั้น ไม่ใช่เปิดตลอดเวลา
8. เตรียมซองกันน้ำไปด้วย เผื่อฝนตก