วันศุกร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ระดับความซวยเวลานั่งรถไฟคนเดียว

จากการเดินทางหลายๆครั้ง พบว่าตัวเองช่างโชคไม่ดีเอาซะเลย
เลยพอจะสรุปเป็นระดับความซวยได้ดังนี้

1. ได้นั่งหน้าห้องน้ำ - นี่เป็นความซวยขั้นแรก แต่ก็ทำให้หงุดหงิดได้เหมือนกัน โดยเฉพาะเวลากินข้าว
2. ได้นั่งริมหน้าต่างฝั่งที่แดดร้อน - ฮือๆ ก็ทนร้อนไปตลอดทางจนกว่าแดดจะหมดนั่นแหล่ะ
3. ได้นั่งกับคนขี้เหร่หรือคนจรจัด ผมเผ้ารุงรัง ตัวเหม็น
4. ขี้เหร่ไม่พอ ชวนเราคุยซะอีก แถมพูดมาก เราตอบคำเดียว พี่แกคุยไปครึ่งชั่วโมง
5. รถไฟชนกัน - ถือว่ายังโชคดีอยู่ ไม่เคยเจอถึงขั้นนั้น

ใครเจอครบ 5 ข้อ แสดงว่าซวยสุดๆ

วันพฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2554

รีวิว Don't be afraid of the dark กับ Fright Night

เพิ่งดู Don't be afraid of the dark จบ รู้สึกชอบมากๆ

ก่อนดู แอบนิสัยเสีย กรอไปดูตอนจบก่อน แล้วก็รู้สึกว่า
เชอะ ... ก็แค่หนังผี มีผีออกมาหลอกเด็ก

แต่พอได้ดูตั้งแต่ต้นแล้ว เนื้อเรื่องจริงๆของหนัง น่าสนใจกว่าหนังผีซะอีก

เรื่องก็มีอยู่ว่า มีครอบครัวนึงซื้อบ้านใหม่ แล้วเด็กหญิง เกิดอยากรู้อยากเห็น
เลยไปเปิดฝาเตาผิง ซึ่งเป็นฝาปิดตาย

จากนั้นก็มีผี เป็นตัวประหลาดเล็กๆ ออกมาหลอกเด็ก
เด็กบอกพ่อแม่ บอกเท่าไหร่ พ่อแม่ก็ไม่เชื่อ
ไปจ้างจิตแพทย์มาคุยกับเด็ก นึกว่าเด็กกำลังจินตนาการ

ตอนจบเด็กรอด ... แต่ ... เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า บางครั้งผู้ใหญ่ก็ควรฟังเด็กบ้าง
ไม่ใช่ตั้งธงไว้ว่าเด็กโกหกเสมอ

อีกเรื่องนึงที่แอบสะใจ ก็คือเรื่อง Fright Night ส่วนหนึ่งของเรื่องก็คือ
วัยรุ่นบอกแม่ว่า คนข้างบ้านเป็นผีดิบ ... แต่ ... แม่เชื่อ
และพวกเขาก็พากันสู้จนทุกคนปลอดภัย

ในเรื่อง Don't be afraid of the dark กว่าคนเป็นพ่อแม่จะฟังลูก ก็สายเกินไปเสียแล้ว

เรื่องนี้เป็นหนังผี หนังสยองขวัญ และให้บทเรียนกับผู้ปกครองด้วย ขอแนะนำ ....

วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2554

รีวิว The Hangover 1 & 2

เพิ่งมีโอกาสได้ดู The Hangover เลยเลือกดูภาค 1 ก่อน แล้วดูภาค 2 ทีหลัง

ความรู้สึกในการดูภาค 1 กับภาค 2 ต่างกันอย่างสิ้นเชิง
พูดง่ายๆก็คือ ภาค 2 ห่วย ถ้าเทียบกับภาค 1

โดยส่วนตัว คิดว่าเสน่ห์ของ hangover ภาค 1 คือหนังขาย เนื้อหา บรรยากาศ ความสนุก
โดยหลีกเลี่ยงฉากเซ็ก ตลอดทั้งเรื่อง มีฉากโชว์นมแค่แว๊บเดียวเท่านั้น

หนังประสบความสำเร็จ โดยไม่ต้องทะลึ่ง ลามก ขายเซ็ก อะไรเลย
เป็นความสำเร็จที่มาจากพล็อตล้วนๆ

คนดูสนุกไปกับการเดาว่า เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น แล้วเรื่องต่างๆเกิดขึ้นมาได้อย่างไร
เป็นหนังที่ดูได้ทั้งครอบครัว เด็ก 10 ขวบก็ดูได้ เพราะไม่มีฉากเซ็กเลย

>>>>> แล้วเกิดอะไรกับภาค 2 <<<<<<

ภาค 2 copy ทุกอย่างจากภาค 1 และใส่ฉากเซ็กเข้าไปอย่างเกินงาม
เช่นฉากโชว์ใส้กรอก ฉากบาร์ระบำโป๊
ทำให้ภาค 2 นี้ ไม่เหมาะที่จะพาครอบครัวดู จำกัดเฉพาะ 18+ ไปเลย สำหรับภาคนี้

เนื้อหาก็ copy มาจากภาคแรก ปริศนาก็ไม่ปะติดปะต่อ ไม่น่าสนใจเท่าภาคแรก

ส่วนฉากถ่ายในเมืองไทยทั้งหมด จุดที่สวยงาม เจริญก้าวหน้า อย่างมาบุญครอง ก็ไม่มี
เลือกถ่ายแต่ ชุมชนแออัด

ยอมรับว่า กทม มีชุมชนแออัด 80% บางที่เราเห็นจนชินตาแล้วก็เลยรู้สึกว่าปรกติ
แต่ที่ดูในหนัง รู้สึกว่า มันจะดูเก่ากว่าความเป็นจริงไปเยอะ
เหมือนมองไปทางไหนก็มีแต่แหล่งเสื่อมโทรม

หลายๆส่วนในหนัง บิดเบือนไป
เช่น การขับเรือจากกทม ไปภาคใต้ใน 5 ชม
หรือนั่งรถสองแถวจากกทมไปเชียงใหม่ใน 2 ชม

นอกจากนี้ น่าแปลกที่คนไทยในหนัง พูดอังกฤษได้หมดทุกคน
นี่ถ้าไปดาวอังคาร จะเจอเอเลี่ยนพูดอังกฤษไหมเนี่ย

ทำให้ภาค 2 ชูจุดขาย เรื่องแหล่งเสื่อมโทรม และแหล่งบริการทางเพศของเมืองไทย
จนดูไม่มีเสน่ห์ไปเลย เมื่อเทียบกับภาค 1 ที่หลีกเลี่ยงการนำเสนอฉากเซ็ก และเน้นที่เนื้อหาของหนังจริงๆ

ที่สำคัญ ฉากเปิดเรื่อง ที่ copy ภาค 1 มาทั้งหมด ทำให้หนังดูไร้สมอง
เพราะองค์ประกอบทุกอย่างในภาคแรก แสดงให้เห็นถึงความฉลาดของบทหนัง

แต่ภาค 2 เลือกที่จะ copy ทุกอย่าง ความฉลาดของบทหนัง จึงเทียบไม่ได้กับภาค 1