เนื่องจากเป็นนักช็อป เดินเช็คราคาของบ่อย ก็เลยเริ่มสังเกตุได้ว่า ราคาสินค้าในห้างค้าปลีก มันทะแม่ง ๆ เพราะทุกห้างจะโฆษณาเหมือนกันว่า ห้างเราขายถูกกว่า แต่เท่าที่เดินๆดู ราคาสินค้าบางรายการ แพงกว่าท้องตลาดด้วยซ้ำไป
มาดูกันว่า พวกห้างค้าปลีกเหล่านี้ มีนโยบาย กำหนดราคายังไง
ในแต่ละห้างจะมีอยู่หลายแผนก เช่น แผนกเครื่องใช้ไฟฟ้า, แผนกกีฬา, แผนกของเด็กเล่น, แผนกอาหารสด, แผนกอาหารสัตว์, แผนกเสื้อผ้า, แผนกเฟอร์นิเจอร์
ช่วงก่อนเทศกาลสงกรานต์ พวกเขาจะเน้นการลดราคาไปที่ แผนกเครื่องใช้ไฟฟ้า เรียกว่า สามารถซื้อ TV 29 นิ้ว ในราคา 5000 บาท เชียวแหล่ะ
แล้วลดราคามากแบบนี้ พวกเขาจะได้กำไรยังไง
แผนกเครื่องใช้ไฟฟ้า ลดราคาก็จริง แต่เวลาคนเข้าห้าง คนก็จะซื้อสินค้าประเภทอื่นไปด้วย
เช่น อาหารแมว พวกเขาก็จะขายอาหารแมวแพงกว่าปรกติ เช่น เดิมขาย 120 ก็ขาย 135
หรือที่ตักผง ราคาเดิม 20 ก็เปลี่ยนเป็น 59
ข้าวสาร 5 ก.ก. เดิม 99 ก็เปลี่ยนเป็น 120
พอเรานึกว่า เครื่องใช้ไฟฟ้าูถูก เราก็พลอยคิดว่า อย่างอื่นถูกไปหมด
แล้วเราก็ซื้อสินค้าต่างๆ แพงกว่าราคาท้องตลาด 10% โดยที่เราไม่รู้ตัว
ช่วงนี้ เป็นช่วงปลายเดือนเมษา ใกล้เปิดเทอมแล้ว
ทางห้างจะหันมาเน้นลดราคา แผนกชุดนักเรียน กระเป๋าใส่หนังสือ
สินค้าพวก เครื่องใช้ไฟฟ้า ก็กลับมาราคาปรกติ TV 29 นิ้ว ก็ 8000 บาท
เมื่อชุดนักเรียนถูก คนก็จะคิดว่า ของทุกอย่างในห้างถูก
พอซื้อสินค้าประเภทอื่นไปด้วย ก็เลยไม่รู้ตัวว่า ซื้อของแพงกว่าปรกติ 10% ทางห้างก็ฟันกำไรอีกเช่นเคย
วิธีป้องกันตัวเองไม่ให้ซื้อของแพง ทำยังไง ?
ทำตามคำแนะนำที่ติดไว้หน้าห้าง "เช็คราคาแล้ว ถูกกว่าที่อื่นแน่นอน"
คือเราจะซื้ออะไร อย่าเพิ่งซื้อ เดินดูราคาก่อน
แล้วอีก 2-3 วัน มาเดินดูอีกที
ทำแบบนี้ เดือนละ 3-4 ครั้ง
เราจะเริ่มจำราคาจริงของสินค้าได้ ว่าราคาจริงของมันคือเท่าไหร่
เช่น วันนี้เราเจอ น้ำมันพืช ราคา 28 ถูกกว่าปรกติ 40 เราก็ซื้อได้เลย
แต่ไปเจอ อาหารแมว 135 แพงกว่าปรกติ 120 เราก็เอาไว้ก่อน เอาไว้ซื้อคราวหน้า
เจอไอติม ปรกติกล่องละ 49 วันนี้มีโปร 2 กล่อง 88 เราก็ซื้อได้เลย
พอเราจำราคาได้ เราก็จะได้ซื้อแต่ของถูก อยู่สม่ำเสมอ
ไม่เผลอไปบวกกำไรให้ทางห้างอีก 10% เหมือนที่เคย
เราไปห้างพวกนี้ เราต้องทำตามคำขวัญของห้าง
"เช็คราคาแล้ว ถูกกว่าที่อื่นแน่นอน"
555555